ข่าว

การสั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์นอกเวลาทำงานทำได้หรือไม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กฎหมายแรงงาน เผย ความเห็นทางกฎหมาย หลังเลิกงาน..เคยถูกสั่งงานผ่านไลน์มั้ย

 

              กฎหมายแรงงาน โพสต์ภาพข้อความ เผย ความเห็นทางกฎหมาย สั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ นอกเวลาทำงาน ถือเป็นการทำงานล่วงเวลา ลูกจ้างมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการทำงานได้ หรือถ้าทำงานนายจ้างควรต้องจ่ายค่าล่วงเวลา ยกตัวอย่างกฎหมายฝรั่งเศสให้อำนาจลูกจ้างที่จะไม่อ่าน ไม่ตอบ ไม่มีความผิด ทั้งนี้ ไทยน่าจะต้องมีการบัญญัติกฎหมายออกมารองรับการทำงานในยุคดิจิทัลต่อไป

 

 

 

              หลังเลิกงาน..เคยถูกสั่งงานผ่านไลน์มั้ย!! การสั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ นอกเวลาทำงาน ถือเป็นการให้ลูกจ้างทำงานนอกเวลาทำงานปกติ ย่อมเป็นการทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุด ซึ่งลูกจ้างมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการทำงานได้ หรือถ้าลูกจ้างทำงานนายจ้างควรต้องจ่ายค่าล่วงเวลา หรือค่าทำงานในวันหยุดให้ ซึ่งในประเทศฝรั่งเศส มีหลัก "สิทธิ์จะตัดขาดการสื่อสารนอกเวลาทำงาน" ที่กฎหมายให้อำนาจลูกจ้างที่จะไม่อ่าน ไม่ตอบการสื่อสารนอกเวลาทำงานได้โดยไม่มีความผิด

อ่านข่าว - ลาป่วยไม่ถึง 3 วัน ไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์

 

 

 

การสั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์นอกเวลาทำงานทำได้หรือไม่

 

 

 

              หลังจากอ่านบทคัดย่อไปแล้ว ขออธิบายดังนี้ครับ

              "การสั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์นอกเวลาทำงาน" ทำได้หรือไม่???

              เบื้องต้น ขอเรียนว่าเรื่องที่ท่านกำลังอ่านนี้เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมาย

              เมื่อพิจารณาจากกฎหมายคุ้มครองแรงงาน มาตรา 23 กำหนดว่า ให้นายจ้างประกาศเวลาทำงาน โดยวันหนึ่งไม่เกิน 8 ชั่วโมง

              การทำงานนอกเหนือหรือเกินจากเวลาทำงานปกติ 8 ชั่วโมงข้างต้นเรียกว่า "ล่วงเวลา" และถ้าเป็นการทำงานล่วงเวลานายจ้างต้องจ่าย "ค่าล่วงเวลา" ถ้าล่วงเวลาวันธรรมดาจ่าย 1.5 เท่า ถ้าล่วงเวลาในวันหยุดจ่าย 3 เท่า

              ปัญหาว่าการสั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ไลน์ ข้อความเฟซบุ๊ก วอตส์แอป อีเมล ฯลฯ นายจ้างสามารถทำได้หรือไม่ จะขอแยกอธิบายเป็น 3 ประเด็น คือ

 

 

 

              1) สั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในช่วงเวลาทำงานปกติ เช่นนี้การสั่งการดังกล่าวสามารถทำได้ เพราะนายจ้างมีอำนาจบังคับบัญชาลูกจ้าง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนายจ้างได้ชำระหนี้ต่างตอบแทนในรูปของ "ค่าจ้าง" อยู่แล้ว

              2) สั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ "นอกเวลาทำงานปกติ" หรือ "ในวันหยุด"

              และผลจากคำสั่งนั้นทำให้ลูกจ้างต้อง "ทำงาน" ให้แก่นายจ้าง เช่น นายจ้างกำหนดให้ลูกจ้างคำนวณต้นทุน หรือทำเอกสาร หรือค้นคว้าหาข้อมูล จะเห็นได้ว่าผลจากคำสั่งดังกล่าวลูกจ้างต้อง "ทำงาน" และเป็นการทำ "นอกเหนือเวลาทำงานปกติ" หรือ "ทำงานในวันหยุด"

              ผู้เขียนเห็นว่า การสั่งงานดังกล่าวมีผล ดังนี้

              1) ลูกจ้างปฏิเสธที่จะทำได้ เพราะมาตรา 24 กำหนดว่าการทำงานล่วงเวลาจะต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างด้วย

 

 

 

              2) หากลูกจ้างไม่ยินยอม นายจ้างจะนำเอาเหตุดังกล่าวไปใช้ในการประเมินผลงานไม่ได้ เพราะสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการทำงานล่วงเวลาเป็นสิ่งที่กฎหมายบัญญัติรองรับให้สิทธิ์

              3) เมื่อการสั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นการ "ทำงานล่วงเวลา" หรือ "ทำงานในวันหยุด" เพราะเป็นการทำงานนอกเหนือจากเวลาทำงานปกติ หรือทำงานในวันหยุด นายจ้างน่าจะต้องจ่ายค่าล่วงเวลา หรือค่าทำงานในวันหยุดตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดไว้ในมาตรา 61 , 63 และมาตรา 62

              4) หากการสื่อสารผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช่เป็นการทำงาน แต่เป็นการสอบถามหรือสื่อสารทั่วไป เช่น ถามที่เก็บกุญแจตู้ หรือขอรหัสผ่านคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนเห็นว่า "ไม่ถือว่าเป็นการทำงาน" นายจ้างไม่ต้องรับผิดในการจ่ายค่าล่วงเวลาหรือค่าทำงานในวันหยุด

 

 

 

              หลักสิทธิมนุษยชนกับการสั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์นอกเวลาทำงาน

              เมื่อพิจารณาจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน มาตรา 12 ที่กำหนดว่า "บุคคลใดจะถูกแทรกแซงในความเป็นส่วนตัว ครอบครัว ที่อยู่อาศัย หรือการสื่อสาร หรือจะถูกลบหลู่เกียรติยศชื่อเสียงตามอำเภอใจหรือโดยผิดกฎหมายไม่ได้ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการคุ้มครองต่อการแทรกแซงสิทธิ์หรือการลบหลู่ดังกล่าว"

              จะเห็นว่าการทำงานในโลกดิจิทัลที่มีการเชื่อมต่อนายจ้างเข้ากับลูกจ้างแบบออนไลน์ ทำให้นายจ้างมีเครื่องมือในการบังคับบัญชาลูกจ้างได้ตลอดเวลา แต่หากพิจารณาปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนจะเห็นได้ว่าการสั่งงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นการ "แทรกแซง" ต่อเวลาอันเป็นส่วนตัวของลูกจ้างในช่วงเวลานอกเหนือเวลาทำงานปกติตามที่กฎหมายกำหนดให้อำนาจบังคับบัญชาหรือสั่งงานของนายจ้างเอาไว้ในมาตรา 23 แห่งกฎหมายแรงงาน

 

 

 

              อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากมาตรา 24 ในกฎหมายฉบับเดียวกันยังได้คุ้มครองลูกจ้างจากการทำงานล่วงเวลาโดยวางหลักห้ามมิให้บังคับให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง โดยนายจ้างจะต้องจ่ายค่าตอบแทนในช่วงเวลาดังกล่าวเรียกว่า "ค่าล่วงเวลา"

 

หลัก "สิทธิ์จะตัดขาดการสื่อสารนอกเวลาทำงาน"

              ในประเทศฝรั่งเศสมีการบัญญัติกฎหมายออกมาบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2017 ได้สร้างหลัก "สิทธิ์ที่จะตัดขาดการสื่อสารนอกเวลาทำงาน" ขึ้น อันเป็นการสอดคล้องกับหลักการเคารพชั่วโมงการทำงานในเวลาทำงานปกติอย่างเคร่งครัด ซึ่งไม่เกิน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (ในขณะที่ประเทศไทยไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)

 

 

 

              ในสายตากฎหมายแรงงานฝรั่งเศสถือว่าการทำงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นการไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้างในทางการที่จ้างเนื่องจากไม่มีการจ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้าง

              เพื่อแก้ปัญหากรณีนายจ้างสั่งงานผ่าน Social Media นอกเวลาทำงานปกติ โดยมาตรา L 2242-8 ของกฎหมายแรงงานฝรั่งเศสกำหนดว่า

              "...หากเป็นเวลานอกเหนือจากช่วงเวลาทำงานปกติลูกจ้างมีสิทธิ์ที่จะตัดขาดการติดต่อสื่อสารทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น ไม่อ่าน ไม่ตอบไลน์ อีเมล หรือข้อความที่ถูกส่งมานอกเวลาทำงานปกติโดยไม่มีความผิด และนายจ้างจะนำเอาเหตุแห่งการตัดขาดการติดต่อสื่อสารทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานย่อมไม่ได้" (นันทวัฒน์ บรมานันท์ www.public-Law.net)

 

 

 

              จากหลักกฎหมายข้างต้นสามารถแยกพิจารณาได้ว่า

              1) กฎหมายแรงงานให้สิทธิ์ที่จะ "ตัดขาด" การสื่อสาร หมายความว่า ลูกจ้างจะปิดเครื่อง จะไม่ตอบ จะไม่อ่าน หรืออ่านแล้วแต่ไม่ทำงานตามคำสั่ง หรืออำนาจบังคับบัญชาของนายจ้างได้

              2) คำว่าสื่อ "อิเล็กทรอนิกส์" มิได้หมายความเฉพาะ Social media หรือ E mail แต่ยังหมายรวมถึงโทรศัพท์หรือเครื่องมืออื่นอีกด้วยที่ใช้ระบบ "อิเล็กทรอนิกส์" เชื่อมต่อการสั่งงาน

              3) กฎหมายคุ้มครอง "การตัดขาดการสื่อสาร" โดย "ไม่ถือเป็นความผิด" หรือนายจ้างจะนำไปใช้ประกอบการ "ประเมินไม่ได้"

              4) ผลจากการที่กฎหมายรับรองสิทธิ์ข้างต้น หากนายจ้างนำมาเป็นเหตุในการเลิกจ้าง ย่อมถือเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ซึ่งศาลอาจพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย หรือให้รับกลับเข้าทำงานได้

 

 

 

              จากข้อกฎหมายของประเทศฝรั่งเศส จึงเห็นว่าประเทศไทยน่าจะต้องมีการบัญญัติกฎหมายออกมารองรับการทำงานในยุคดิจิทัลต่อไป

 

การอ้างอิง

              - นันทวัฒน์ บรมานันท์ สิทธิ์ที่จะตัดขาดการสื่อสารนอกเวลาทำงาน , www.public-Law.net , เข้าถึงเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563

              - ตรีเนตร สาระพงษ์ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน , คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

              - ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

 

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ