ป.ป.ส. ฮึ่ม !! ปล่อยคนขับรถทัวร์เมา ผู้ประกอบการโดนหนัก

         

          10 เม.ย. 61 - นายวิไชย ไชยมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.ต. กฤชากร จรเจวุฒิ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ภายใต้คำขวัญ “สงกรานต์ กลับบ้านปลอดภัย ไร้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์” พร้อมเปิดปฏิบัติการและปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการดำเนินการตรวจหาสารเสพติดและวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ การตรวจสภาพรถโดยสาร (รถทัวร์) และตรวจหายาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในการป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด และเที่ยวสนุกได้โดยไม่ใช้ยาเสพติด ตลอดจนร่วมแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านสายด่วน ป.ป.ส. 1386

 

          นายวิชัย กล่าวว่า ป.ป.ส. ได้กำหนดแผนปฏิบัติการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 9 - 20 เม.ย.เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในด้านต่างๆ เช่น ข้อมูลการเดินทาง ข้อมูลการท่องเที่ยว จุดพักระหว่างเดินทาง การรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดปัญหายาเสพติด เช่น การลักลอบลำเลียงยาเสพติด การใช้ยาเสพติดของพนักงานขับรถโดยสารประจำทาง ผู้ใช้ยานพาหนะ ผู้เดินทางและกลุ่มประชาชนในหมู่บ้านชุมชน ซึ่งเป็นการสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดต่อเนื่อง โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดตั้งจุดดำเนินการพื้นที่เป้าหมายในความรับผิดชอบของสำนักงาน ปปส.ภาค 1-9 และ กทม.

 

          นายวิไชย กล่าวอีกว่า ป.ป.ส.ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสอดส่องดูแล และป้องกันไม่ให้ผู้ซึ่งมีอาการเมาสุรา หรือเสพยาเสพติดให้โทษ หรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ปฏิบัติหน้าที่ขับรถ หากพบว่าผู้ประกอบการขนส่งผู้ใดยินยอมให้ผู้ขับรถโดยสารปฏิบัติหน้าที่ขับรถขณะที่มีอาการเมาสุราหรือเสพยาเสพติดหรือวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำรถ เสพยาเสพติดให้โทษหรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ หรือกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท แล้วแต่กรณี แต่ถ้าเป็นผู้ขับรถโดยสารต้องระวางโทษสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดอีกหนึ่งในสาม.