ข่าว

"ทหาร" ส่งทนายฟ้องส่วนตัว "กรมท่าอากาศยาน"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"รองเสธ.ทหารบก ภาค 4 " ส่งทนาย ฟ้องเหมารวม "คณะบริหาร ทย.-สถาปนิก 5 คน" ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ บ่ายเบี่ยงทำสัญญาเช่าที่จอดรถสนามบินอุดรธานีตั้งแต่ปี 55

 

          ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี วันที่ 26 ธ.ค.60 เวลา 10.00 น. ทนายความของ พ.ท.ชุติเทพ ราชสีหา อายุ 43 ปี รองเสนาธิการฝ่ายกิจการพลเรือน กองทัพภาค 4 สังกัดกองทัพบก ได้รับมอบอำนาจให้ เดินทางยื่นฟ้อง กรมท่าอากาศยาน หรือ ทย. (ชื่อเดิมคือกรมการบินพลเรือน) , อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) , อดีต ทย. , รองอธิบดี ทย. , สถาปนิกประจำ ทย. เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 157

          โดยคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อเดือน ก.ค.55 พ.ท.ชุติเทพ โจทก์ ได้แสดงความประสงค์ติดต่อขอเช่าพื้นที่ลานจอดรถหน้าอาคารสนามบินนานาชาติอุดรธานี กับจำเลยทั้งห้า ตามขั้นตอนของ ทย.จำเลยที่ 1 เพื่อปรับปรุงพัฒนาเป็นที่จอดรถเก็บเงินค่าเช่าที่มีมาตรฐาน สง่างาม ทันสมัยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสนามบินนานาชาติอุดรธานีและประเทศชาติ ต่อมาวันที่ 25 ม.ค.56 จำเลยที่ 1 ได้อนุมัติเห็นชอบในหลักการจัดสรรพื้นที่เช่าให้โจทก์มีสิทธิเข้าไปดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาสถานที่จอดรถยนต์ในอัตราเช่า 3 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ซึ่งพื้นที่เช่าลานจอดรถยนต์มีเนื้อที่ประมาณ 10,760 ตารางเมตร แผนผังระบุว่าบริเวณด้านหน้าที่อาคารผู้โดยสารหลังใหม่โซน A และแจ้งให้โจทก์เข้าไปทำสัญญาชำระค่าธรรมเนียมและติดประกาศไว้ที่ลานจอดรถสนามบินฯ เพื่อให้สาธารณชนรับทราบตามประกาศฯ เป็นเวลา 30 วัน จึงจะให้โจทก์เข้าไปดำเนินการก่อสร้างและใช้ประโยชน์เพื่อจัดเก็บค่าบริการตามเงื่อนไขที่แจ้งไว้ในหนังสือแจ้งเงื่อนไขการเช่าพื้นที่ประกอบกิจการสถานที่รับฝากรถยนต์

          หลังจากนั้น โจทก์จึงไปติดต่อกับ ทย. จำเลยที่ 1 แต่ได้รับแจ้งว่าขอเลื่อนการทำสัญญาโดยอ้างเหตุผลว่าทำรายละเอียดสัญญาไม่เรียบร้อย ซึ่งโจทก์ได้ติดตามสอบถามเรื่องราวมาโดยตลอดทั้งโดยวาจาและทำเป็นหนังสือ นอกจากนี้ยังได้ไปร้องเรียนต่อ หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) ซึ่งต่อมาเรื่องถูกส่งให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) พิจารณาเพื่อสั่งการให้ ทย.จำเลยที่ 1 ดำเนินการตามที่โจทก์ร้องขอ แต่ต่อมากลับได้รับแจ้งว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เช่าหน้าอาคารสนามบินฯ ใหม่ โดยจะนำพื้นที่ดังกล่าวมาให้กระทรวงคมนาคมใช้ประโยชนแทน และจะนำพื้นที่บางส่วนออกประมูล พร้อมชดเชยพื้นที่เป็นลานจอดรถ , ร้านค้าและบริการอื่นๆ หรือชดเชยค่าเสียหายให้

          สุดท้ายเมื่อปรับพื้นที่ใหม่นั้น ปรากฏว่าที่ดิน ซึ่ง ทย.จำเลยที่ 1 ชดเชยให้กับโจทก์นั้น มีคลองสาธารณะประโยชน์ , ศาลพระภูมิ , เสาวิทยุสื่อสารแรงสูงรวมอยู่ด้วย ทำให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก 5 ล้านบาทเพื่อถมดินและปรับพื้นที่ซึ่งเป็นที่ลุ่ม แต่โจทก์ก็ยังไม่ได้รับการยินยอมให้เข้าทำสัญญาใหม่กับ ทย.จำเลยที่ 1 อีก ทั้งที่โจทก์เห็นว่าเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ จึงยอมรับในพื้นที่ใหม่แต่ก็ควรต้องเป็นพื้นที่ที่โจทก์สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง การกระทำนั้นจึงทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจากที่ต้องนำเงินไปเป็นค่าซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการจัดเตรียมการก่อสร้าง , เงินค่าวางมัดจำซื้อหน้าดินเพื่อใช้ในการถมดินปรับพื้นที่ก่อสร้าง โดยยังสูญเสียโอกาสการใช้พื้นที่ตามฟ้อง จึงนำคดีมาฟ้องเหตุเกิดที่แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.

          โดยศาลรับสำนวนไว้เพื่อตรวจคำฟ้องว่าจะรับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์หรือไม่ต่อไป ซึ่งศาลกำหนดนัดฟังคำสั่งว่าจะรับไต่สวนหรือไม่ในวันที่ 23 ม.ค.61 เวลา 10.00 น.


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ