ข่าว

"นินิว"มือตบโคโยตี้นอนเรือนจำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฝากขังครั้งแรก"ป๋าเกิด-นินิว-สาวร่วมแก๊งโมเดลลิ่งโคโยตี้ร่วมค้ามนุษย์ ปคม.ค้านประกัน สุดท้าย "ป๋าเกิด-สาวร่วมแก๊ง"ยื่นเงินสด 3 แสนขอปล่อยตัว"นินิว"เข้าเรือนจำ

             21 ก.ย.60  พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ พนักงานสอบสวน กก.1 ปคม. ควบคุมตัว นายเกิดใหม่ รวยจริงนะ ฉายา "ป๋าเกิด" อายุ 45 ปี เจ้าของธุรกิจ "นินิวส์โมเดลลิ่ง" จัดหาโคโยตี้บริการตามสถานบันเทิง ย่านบางขุนนนท์ , นางพรรณวรท ควบคุม หรือนินิว อายุ 34 ปี ผู้ดูแลโคโยตี้ และ น.ส.มลฤดี อินอ่อน อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 2138/2560 , 2140/2560 และ 2139/2560  คดีสมคบกันกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ มายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. - 2 ต.ค.นี้ เนื่องจากต้องรอสอบสวนพยานบุคคลอีก 8 ปาก และรอสอบสวนขยายผลการจับกุม กับรอผลการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาและลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา โดยพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสาม เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ มีอัตราโทษสูง ซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน และผู้ต้องหามีพฤติการณ์ข่มขู่ คุกคามผู้เสียหายรวมถึงพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี จึงเกรงว่าหากปล่อยตัวจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

             โดยคำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อประมาณเดือน พ.ย.59 น.ส.ก้อย ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง เพื่อนของหญิงสาวผู้เสียหายคดีนี้ มาชักชวนผู้เสียหายไปทำงานเต้น(โคโยตี้) โดยให้ผู้เสียหายเข้าไปดูรายละเอียดการทำงานจากเฟซบุ๊กชื่อ "งานกลางคืน งานเต้น" ผู้เสียหายกับเพื่อนตกลงใจจะไปทำงาน จึงเข้าไปที่บ้านของนายเกิดใหม่ ผู้ต้องหา ภายในซ.จรัญสนิทวงศ์ 35 แยก 20 เมื่อไปถึงบ้านภรรยาน้อยของผู้ต้องหาได้ตรวจดูบัตรประชาชนเห็นว่าอายุไม่ถึง 18 ปีจึงได้ยึดบัตรประชาชนไว้ และได้นำบัตรประชาชนของผู้อื่นมาให้ผู้เสียหายเก็บไว้เพื่อนำไปแสดงให้ทางร้านสถานบันเทิงดูเวลาทำงาน จากนั้นนายเกิดใหม่ ผู้ต้องหา ให้ผู้เสียหายเข้าไปที่ห้องนอนสั่งให้ถอดเสื้อผ้าออก แล้วจับหน้าอกกับก้น ต่อมาได้พาผู้เสียหายไปที่บ้านพักโคโยตี้ ภายในซ.จรัญสนิทวงศ์ 35 แยก 23 และให้ผู้เสียหายไปทำงานเป็นเด็กเต้นโคโยตี้ตามร้านสถานบันเทิง ต่างๆ ย่านสีลม สุขุมวิท โดยนายเกิดใหม่ ผู้ต้องหาจะหักค่าหัวจากการที่เด็กไปทำงานเต้นโคโยตี้คนละ 200 บาท ต่อ 1 วัน หากเด็กได้ค่าดื่มเกิน 2 ดื่ม ผู้ต้องหาจะได้เปอร์เซ็นต์ดื่มละ 10 บาท โดยจะมีทอมบอย (ลูกน้องที่จ้างเป็นรายเดือน) เป็นคนคอยคุมเด็กที่ร้านเต้นโคโยตี้  เมื่อทำงานเสร็จทอมบอยจะเป็นคนคิดเงินและจ่ายเงินค่าจ้างให้กับเด็ก ส่วนค่าหัวเด็กและเปอร์เซ็นต์จากค่าดื่ม จะโอนเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาเดอะมอลล์ท่าพระ ชื่อบัญชี น.ส.มลฤดี ผู้ต้องหาร่วม 

             โดยผู้เสียหาย กับพวกทำงานเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายหยุดงาน  น.ส.พรรณวรท หรือนินิว ผู้ต้องหาร่วมจึงได้ส่งข้อความผ่านแอพแชทไลน์ ดุด่าว่าทำไมถึงไม่มาทำงาน วันรุ่งขึ้นจึงได้กลับเข้าไปที่บ้านโคโยตี้ แล้วถูก น.ส.พรรณวรทหรือนินิว ใช้มือตบที่ใบหน้า และให้เด็กในบ้านโคโยตี้ถ่ายคลิปวีดีโอขณะที่ทำร้ายร่างกาย จากนั้นได้ส่งคลิปวีดีโอลงในไลน์กลุ่มบ้านโคโยตี้ ผู้เสียหายจึงได้ส่งคลิปให้พี่สาวของตนเองดู หลังจากนั้นวันที่ 5 ก.ย.60 ผู้เสียหายได้ออกจากบ้านโคโยตี้ แต่น.ส.พรรวรท หรือนินิว ยังคงส่งข้อความไลน์มาด่าทอ ผู้เสียหายจึงได้ปรึกษากับทางบ้านและนำคลิปวีดีโอไปโพสต์ลงในเพจโซเชียล ฮันเตอร์ ทำให้ปรากฏเป็นข่าวโด่งดัง ก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดี

             และเมื่อวันที่ 18 ก.ย.60 ยังมีหญิงสาวผู้เสียหายรายที่ 2 แจ้งความด้วยว่าถูกนายเกิดใหม่ ผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเรา ครั้งแรกเมื่อต้น เดือน เม.ย.59 ที่โรงแรม จ.สระแก้ว , ครั้งที่ 2 เมื่อกลางคืนวันที่ 20 เม.ย.60 ช่วงงานวันไหลสงกรานต์พระประแดง จ.สมุทรปราการ บนที่นั่งรถเก๋งยี่ห้อสวิฟ และครั้งที่ 3 อีกช่วงเดือน เม.ย.60 เวลา 22.00 น. ถูกกระทำชำเราพร้อมเด็กหญิงอีกคนในบ้านพัก ซ.จรัญสนิทวงศ์ 35

             กับหญิงสาว ผู้เสียหายรายที่ 3 แจ้งว่า เมื่อปลายปี 2556 ได้ไปสมัครงานกับนายเกิดใหม่ แล้วได้นัดให้ไปพบที่คอนโดฯ ใน ซ.ลาดพร้าว 26 แล้วก็ถูกถูกข่มขืนกระทำชำเราต่อมา เมื่อวันที่ 20 ก.ย.60 เวลา 16.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายเกิดใหม่ และน.ส.มลฤดี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เดินทางมาที่ บก.ปคม. จึงแสดงตัวจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย

             ส่วน น.ส.พรรณวรทหรือนินิว ถูกจับกุมที่ตลาดบางขุนศรี แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กทม.

             โดยพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหา "นายเกิดใหม่ หรือ ป๋าเกิด" ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น ,ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด และข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4 , มาตรา 6 (2) วรรคสอง, มาตรา 9 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และมาตรา 52 วรรคสอง , พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 (9) มาตรา 78 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก

              ขณะที่ " น.ส.พรรณวรทหรือนินิว และน.ส.มลฤดี"  ถูกแจ้งข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น ,ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด"ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4 , มาตรา 6 (2) วรรคสอง, มาตรา 9 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และมาตรา 52 วรรคสอง , พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 (9) มาตรา 78 ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

             ศาลพิจารณาและสอบถามผู้ต้องหาทั้งสามแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

             ต่อมา "นายเกิดใหม่ หรือป๋าเกิด" เจ้าของโมเดลลิ่งโคโยตี้ และ"น.ส.มลฤดี ที่มีชื่อเปิดบัญชีรับหักเงินค่าตัว"
ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 300,000 บาทเพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขังนี้ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวทั้งสองคนไปไปโดยตีราคาประกันคนละ 300,000 บาทแต่กำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

             ส่วน " น.ส.พรรณวรทหรือนินิว ผู้ดูแลโคโยตี้" ไม่ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ดังนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เตรียมนำตัวไปคุมขังระหว่างการฝากขังนี้ ที่ทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ