ชัด!'ไม้ซุงสัก'ลอยน้ำสาละวิน ตัดในไทยส่งเมียนมา

               แม่ฮ่องสอน - กองร้อยทหารพราน ที่ 3604 กรมทหารพรานที่ 36 ฐานปฏิบัติการบ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ตรวจพบไม้ซุงสักผูกเป็นแพในแม่น้ำสาละวิน แทบทุกหน่วยพื้นที่ปัดไม่ใช่ไม้ในไทย อ้างเป็นไม้ของเมียนมา จาก อ.ผาซอง จ.ลอยก่อว์ เพื่อล่องไปขายให้แก่กลุ่มโรงเลื่อยแปรรูปไม้ตรงข้าม อ.สบเมย ด้านหน่วยข่าวกรองความมั่นคงระบุเป็นไม้ตัดในไทยชัดเจน ขัดกับข้อมูลหน่วยในพื้นที่
               พ.อ.ภาส วงศ์สารภี ผบ.กรมทหารพรานที่ 26 ค่ายเทพสิงห์ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา กองร้อยทหารพรานที่ 3604 ได้ตรวจพบแพไม้ซุงสัก จำนวน 180 ท่อน ผูกติดข้างฝั่งแม่น้ำสาละวิน ในเขตสหภาพเมียนมา ห่างจากบ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ไปทางทิศเหนือประมาณ 5 กม. โดยแพดังกล่าวมีลักษณะใหม่ใช้ไม้ไผ่ ที่ยังมีรอยตัดใหม่ๆ สีเขียวสด ผูกเป็นแพและใต้แพดังกล่าวมีไม้ซุงสัก ลักษณะเป็นไม้สักท่อนแห้ง ผูกรวมกันนับได้ประมาณ 180 ท่อน ส่วนข้างแพที่จะมองเห็นไม้ซุงสัก ได้ถูกอำพรางด้วยใบตองกล้วยลักษณะใหม่สด ปกปิดเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนทั่วไปมองเห็นไม้ซุงได้อย่างชัดเจน

               ในเบื้องต้นได้ให้หน่วยในพื้นที่ ทำการประสานงานไปยังทหารเมียนมาและทหารกะเหรี่ยงอิสระ เคเอ็นยู เพื่อขอให้ตรวจสอบไม้ดังกล่าว ว่าเป็นของใครและตัดในเขตไทยหรือเขตเมียนมา ล่าสุดเช้าวันนี้ได้รับทราบข้อมูลว่า ไม้ดังกล่าว เป็นไม้สักที่ตัดจากเขต อ.ผาซอง จ.ลอยก่อว์ รัฐคะยา สหภาพเมียนมา เพื่อนำไปส่งให้แก่พ่อค้าบริเวณพื้นที่ตรงข้าม อ.สบเมย ของไทย โดยแพไม้ดังกล่าว ล่าสุดตรวจสอบแล้วพบว่าได้มีการลอบล่องตามลำน้ำสาละวิน ไปส่งยังโรงเลื่อยไม้ปลายทางเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา
               แหล่งข่าวหน่วยข่าวกรองความมั่นคง ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ตาก ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องแพไม้ซุงสักดังกล่าว ระบุว่า ไม้ที่ถูกทหารพรานตรวจพบ เป็นไม้ที่ตัดในเขตไทย บริเวณห้วยอุมดา และห้วยแม่สะเกิบ ซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อของหน่วยอุทยานแห่งชาติป่าสาละวิน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน โดยกลุ่มขบวนการเป็นคนไทยมีอิทธิพล จ้างทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู เป็นคนตัดแล้วผูกเป็นแพ เพื่อนำส่งให้แก่โรงเลื่อยไม้ในเขตสหภาพเมียนมา บริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำเมยกับแม่น้ำสาละวินมาบรรจบกัน ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามพื้นที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
               สำหรับการลอบตัดไม้ดังกล่าว เป็นการลอบตัดในห้วงที่นายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 3 เสียชีวิตและ ผบ.ทุกหน่วยที่ขึ้นตรงพากันไปร่วมงานพิธีศพที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้หน่วยในพื้นที่ไม่ค่อยเข้มงวดเหมือนปกติ โดยไม้ที่ตัดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นไม้เก่าที่ถูกตัดโค่นมานานแล้ว และหน่วยที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบและตรวจยึดไว้แล้ว แต่ไม่สามารถชักลากไม้ของกลางมาเก็บไว้ที่หน่วยได้

               แหล่งข่าวฯ ระบุว่า จากการตรวจสอบกับแหล่งข่าวซึ่งเป็นแกนนำชนกลุ่มน้อยในพื้นที่รัฐคะยา ทุกฝ่ายต่างยืนยันว่า ไม้ในเขตรัฐคะยา จะเป็นไม้ที่มีการสัมปทานในนามของบริษัทคะยาธานีแต่เพียงเจ้าเดียว ซึ่งไม้ทุกท่อนที่ตัดนั้นจะถูกส่งไปขายยังประเทศจีนเท่านั้น และไม่สามารถส่งมาขายในเมียนมาให้พ่อค้ารายย่อยแบบโรงงานแปรรูปไม้ได้ เพราะจะผิดกับข้อตกลงของ องค์การค้าไม้เมียนมา (Myanmar Timber Enterprise: MTE) ของรัฐบาลเมียนมา ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการตัดไม้และจำหน่ายไม้ในพม่าทั้งหมด
               แหล่งข่าว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมป่าไม้ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ระบุว่า ไม้ที่ตัดในเขตรัฐคะยาทั้งหมด จะมีไม้ 2 ชนิดคือ ไม้สัก และ ไม้ประดู่ ซึ่งเป็นไม้สดใหม่ หากนำมาล่องแพในแม่น้ำสาละวินจะต้องมีการผูกถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรทำเป็นแพเพื่อพยุงไม้ เนื่องจากเป็นไม้สด ดิบ จะมีน้ำหนักมาก ป้องกันไม่ให้ไม้ซุงจมหายไปใต้น้ำได้ง่าย แต่ไม้ที่ตรวจพบกลับไม่มีการใช้ถังน้ำมันผูกเป็นแพ เนื่องจากเป็นไม้สักแห้ง และยังมีการอำพรางด้วยใบตองกล้วยปิดบังที่ไม้ซุงข้างแพอีกด้วย ที่สำคัญระยะทางการล่องแพไม้ซุงจาก อ.ผาซอง รัฐคะยา มาถึง เขตรัฐกะเหรี่ยง ตรงข้าม อ.สบเมยของไทย มีระยะทางไม่ต่ำกว่า 350 กม.ไม้ไผ่ที่ผูกเป็นแพจะต้องกลายเป็นไม้เก่าและสีทึบ เนื่องจากตากแดด แช่น้ำมานาน ไม่ใช่สีเขียวสดอย่างที่พบเห็นแน่นอน