ส.ส. เพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ซัด บิ๊ก ป.โยงการขนแรงงานข้ามประเทศ ต้นเหตุแพร่โรคโควิด ลั่นวางแผนตั้งแต่ปี 2557 แบ่งหน้าที่ยึดครองประเทศ ไม่ให้เกียรติสภา
เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2564 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพลเอกอนุพงษ์เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินโดยเฉพาะการบริหารโควิด พลเอก ประยุทธ์ ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เมื่อเข้ามาทำหน้าที่แต่สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของประชาชน ซึ่งมีการนำเสนอเรื่องโครงการเราชนะ ก็ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นภาพความล้มเหลว ความไม่มีประสิทธิภาพ ไร้สติปัญญาไร้ความรู้ความสามารถจึงออกมาเป็นเช่นนี้ ทำให้ประชาชนเพียงเพื่อจะขอรับเงินเพียง 7,000 บาท ประชาชนต้องลำบาก ประชาชนร้องไห้บางคนเป็นลมเจ็บไข้และตนไม่ทราบเลยว่าเมื่อประชาชนเดือดร้อนนายกรัฐมนตรีจะมีน้ำตาให้ประชาชนหรือไม่ และความล้มเหลวความไร้ประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นสาเหตุนั้นต้องโทษไปที่ตัวพลเอกประยุทธ์ ซึ่งมีจิตวิธีคิดและจิตสำนึกเป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความล้มเหลวและเกิดผลกระทบให้กับประชาชนและสิ่งที่พลเอกประยุทธ์บริหารยังบกพร่องชี้ให้เห็นว่าโควิดทำเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนเข้าสู่ภาวะยากจนเพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านคน เป็น 5.2 ล้านคน รวมถึงการบริหารเงินกู้1,000,000 ล้านบาท ส่วนเงินที่จะไปฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้นจ่ายน้อยมากและจะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างไร ประสิทธิภาพของการบริหารมีเงินแต่ใช้ไม่เป็น
"นายกฯเป็นโรคNPD" หรือ เป็นโรคหลงกลเองมี 17 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าเป็นโรคนี้ เช่นไม่ยอมรับความผิดกลับหาว่าเป็นความผิดของบุคคลอื่น เช่นการที่นายกฯบอกว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นเรื่องจำเป็น แต่กลับยกเรื่องจำนำข้าวไปถึงนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร บอกว่าไม่เหมือนกับการจำนำข้าวที่ต้องใช้หนี้สินถึง 12 ปี ซึ่งย้อนถามว่าเรือดำน้ำกับการจำนำข้าวเหมือนกัน
อย่างไร ซึ่งความผิดของตัวเองไม่เห็นกับโบ้ยใส่คนอื่น ทั้งที่สองเรื่องนี้คนละประเด็นซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งเพราะเป็นคนไม่ปกติ จึงทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ ซ้ำยังรวบอำนาจบริหารสถานการณ์โควิด แต่เพียงผู้เดียวดังนั้นความผิดพลาดทั้งหมดนี้เป็นของนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว และบอกว่าฟังทุกฝ่ายถ้าฟังคงไม่เป็นแบบนี้ “ท่านคงคุ้นชินกับการเสพติดอำนาจ” ไม่สนใจเสียงประชาชน ไม่สนใจการมีส่วนรวม ภาพทุกอย่างจึงออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งความผิดพลาดล้มเหลวนั้นสุดที่จะทน เหมือนดีใจได้ไม่นานว่าเป็นประเทศที่คุมโควิดได้ แต่ไม่นานเมื่อมีการระบาดในละลอกใหม่ ซึ่งความผิดพลาดตรงนี้หรือมีผลประโยชน์ร่วมด้วยทำให้เกิดการระบาดรอบสอง ปล่อยให้แรงงานข้ามชาติไหลทะลักเข้ามาประเทศไทยรวมกันในบ่อนและมีการแพร่กระจายออกไปทั่วประเทศ นายกฯและรัฐมนตรีเองก็ยอมรับจากสภาว่ามีบ่อน ซึ่งเกิดจากการปล่อยปละละเลยไม่ล็อกดาวน์ 28 จังหวัด แต่อ้างเป็นพื้นที่ควบคุมสูง มีการลักลอบเข้ามาอย่างไม่ถูกกฎหมาย 2แสน1หมื่นล้านเป็นเงินกู้
ทั้งนี้นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวว่า มีกระบวนค้าแรงงานข้ามชาติ นำแรงงานเมียนมา ชาวโรฮิงญาและชาวจีนที่ติดเชื้อโควิดเข้ามายังประเทศไทย พร้อมกับระบุว่ามีรองนายกรัฐมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งกระบวนการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 หลังรัฐประหาร มีการจัดระบบประมูลส่วย มีการออกพระราชกำหนดบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวปี 2560 เพื่อใช้ช่องว่างให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในไทยได้สะดวก ซึ่งปัญหาหลักคือการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ถูกกฎหมาย จึงทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดในไทย โดยประเทศมีเงิน 210,000 ล้าน ในการเยียวยา ซึ่งเป็นเงินกู้ ซึ่งเป็นภาษีที่ต้องช่วยกันชดใช้
โดยนายแพทย์ชลน่าน ยังระบุอีกว่ากระบวนการส่วยนำแรงงานเข้าไทย พร้อมฉายแผนภูมิ ผู้ที่เกี่ยวข้อง 12 กลุ่มซึ่งเป็นส่วยในกลุ่มคนจีนที่เข้ามาทำคาสิโนและคอลเซ็นเตอร์ พร้อมระบุอักษรย่อบิ๊กป.และมีรุ่นเตรียมทหาร และอักษรย่อ ระบุไว้อย่างชัดเจน ส่วนส่วยแรงงานต่างด้าวและโรฮิงญามีการวางรากฐานมาตั้งแต่ปี 2557 โดยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และสมุทรปราการ โดยนำเข้ามาจากพื้นที่จังหวัดตากมากกว่า 2 ล้านคน แล้วจะปล่อยให้คนเหล่านี้บริหารประเทศได้อย่างไรและเป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่อเวลาจับกุมดำเนินคดีได้บุคคลเหล่านี้มักจะคดีเงียบหาย ถ้าระดับบนไม่รู้เห็นเป็นใจคดีเหล่านี้จะเงียบหายได้อย่างไร พร้อมมองว่าการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกที่ทำอยู่ ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวไม่ถูกต้อง ในการใช้ระบบบับเบิ้ลซีลห้ามเข้าออกพื้นที่ และทำการตรวจค้นหาเชื้อเชิงรุก แต่กลับพบว่าไม่ตรวจเชื้อเนื่องจากกลัวเสียงบประมาณกว่า20 ล้าน
ทั้งนี้นายแพทย์ชลน่าน ยังมองว่า การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินภายใต้ความกลัวนั้นล้มเหลว แต่สิ่งที่ล้มเหลวที่สุดในช่วงที่ผ่านมาคือการสร้างความกลัวให้กับประชาชน โควิดเป็นโรคที่ติดง่ายแต่ตายยาก ซึ่งศักยภาพทางการแพทย์รักษาได้
โดยนายแพทย์ชลน่าน ระบุถึงระบอบประยุทธ์ ตัดตอนประชาธิปไตย ยึดครองประเทศแบบเบ็ดเสร็จ โดยขบวนการ 3 ป. เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ จัดการเลือกตั้งโดยใช้กลไกที่วางไว้ในโครงสร้างรัฐธรรมนูญ ทำให้ตัวเองและพวกพ้องเข้ามาในสภาได้มากที่สุด ใช้อำนาจผูกขาด กระจาย ขุนกำลัง 3 ป. แบ่งหน้าที่กันยึดครองประเทศ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านไปที่องค์กรอิสระ และสมาชิกวุฒิสภาหรือ ส.ว. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ดูแลองคาพยพส่วนราชการส่วนภูมิภาค ประเทศที่อยู่ภายใต้ 3 ป.แล้วจะกระดิกกระเดี้ยไปไหน พยายามแก้รัฐธรรมนูญแต่สุดท้ายก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ จะตรวจสอบการทำหน้าที่ก็ทำไม่ได้กลับไม่มาตอบกระทู้ถาม
"แม้แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมาก็ถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านประณาม ในเรื่องการใช้เวลาในการอภิปราย พร้อมกับมองว่าเจตนาคติสำนึกทางการเมืองไม่มี ดูถูกสภา แล้วผมจะเปิดให้มันมาด่าผมอีกทำไม ลักษณะการพูดอย่างนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นใครเป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรีไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งคนใดที่ปฏิเสธสภา อาจจะกลัวแต่ต้องให้เกียรติแต่นายกฯท่านนี้พูดใส่หน้าพวกตนว่าจะเปิดสภาให้ด่าผมอีกทำไม ขณะนี้หมดเวลาของนายกรัฐมนตรีแล้วขอให้คืนเวลาให้กับประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจประชาธิปไตย อย่าทำร้ายประเทศชาติต่อไปตนไม่ไว้วางใจให้ทั้ง 3 คนบริหารประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป"
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเรื่องการบริหารสถานการณ์โควิดว่า การทำงานไม่รวมศูนย์ ใช้กฎหมายของตัวเองของแต่ละหน่วยงาน ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นการแก้ปัญหาโควิดระลอก2 "ผมยืนยัน 3ป.ไม่มีรับเงิน หาประจักษ์พยานมา หลายอย่างรัฐบาลทำเต็มที่แก้โควิด อย่าพูดบิดเบือนให้รัฐบาลเสียหายเรื่องแรงงานผิดกฎหมาย ผมกำลังดำเนินการ ผมรังเกลียดเงินชั่ว วันนี้เปิดช่องทางแจ้งตรงมาถึงนายกรัฐมนตรี สามารถดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิด ผมไม่เคยคุ้นชินกับการทุจริต ผมรังเกียจ คนโกง “เกียรติและศักดิ์ศรี มันอยู่กับผม ตั้งแต่เกิดจนตาย อยู่ในสายเลือด”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง