ข่าว

'นายกฯ' ยันรัฐบาลทำงานอย่างครอบคลุม ครบถ้วน ทันท่วงที ย้ำชัดดูแลสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีจนหลายประเทศใช้ไทยเป็นแบบอย่าง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นายกรัฐมนตรียืนยันรัฐบาลทำงานอย่างครอบคลุม ครบถ้วน ทันท่วงที ย้ำชัดดูแลสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีจนหลายประเทศใช้ไทยเป็นแบบอย่าง

วันนี้ (17 ก.พ. 64) เวลา 14.20 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 23 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เกี่ยวกับประเด็นการทำงานของรัฐบาลเพื่อบริหารควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ดังนี้ 

นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่ารัฐบาลรับรู้ถึงความเดือดร้อนของทุกภาคส่วน ประชาชน นักธุรกิจ ภาคเอกชน คนมีรายได้น้อย รับรู้และรับฟังความเห็นตามบริบทของประเทศไทย โดยได้ปรึกษา รับฟังแนวความคิดของบุคลากรทางการแพทย์ ผู้มีประสบการณ์ ซึ่งเป็นคณะทำงานในศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มาโดยตลอด ควบคุมสถานการณ์ การแพร่ระบาด การรักษา จนถึงมาตรการการรับวัคซีน ทั้งนี้ทราบดีว่ายังมีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลจึงพยายามมากขึ้น ทำให้ดีขึ้น เชื่อมั่นว่าภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ประชาชน จะทำได้ดีขึ้นอีกในเร็ววัน และสถานการณ์ในประเทศไทยดีกว่าในหลายประเทศในโลก 

ทั้งนี้ ในส่วนของการฉีดวัคซีนว่าจะได้ผลป้องกันที่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ยังมีรายละเอียดที่ต้องศึกษาร่วมกัน เนื่องจากเป็นวัคซีนที่อนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินไม่ใช่ในช่วงเวลาปกติ สิ่งที่สำคัญนายกรัฐมนตรีชื่นชมความทุ่มเท สปิริตในการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของบุคลากรทางการแพทย์ บริการ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เสียสละความสะดวกสบายส่วนตัวทำงานเพื่อประชาชน และความร่วมมือของชาวไทยที่ร่วมกันปฏิบัติตนตามหลักอนามัย ถูกสุขลักษณะ สวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง แม้จะมีวัคซีนมาตรการเหล่านี้ยังเป็นเรื่องสำคัญตามหลักวิถีชีวิตใหม่ เพื่อความปลอดภัย 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นายกฯ' แจงที่มาของหนี้สาธารณะ ยืนยันการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลเป็นไปอย่างรอบคอบ

สถานการณ์โรคระบาดนี้ส่งผลกระทบถึงทั่วโลก ทำอย่างไรที่จะควบคุมผลกระทบให้ไม่ลุกลาม จึงต้องดำเนินการควบคุมตรวจสอบติดตาม ดำเนินการแบบมีแบบแผน เป็นระยะ หากเกิดปัญหาก็ปรับแก้การทำงานไป เนื่องจากประเทศไทยประกอบด้วยประชาชนถึง 67 ล้านคน 

นายกรัฐมนตรีชี้แจงเพื่อให้เข้าใจแนวทางการทำงานของรัฐบาลว่า ในส่วนของรายได้ไทยที่ลดลงเป็นส่วนมาจากประเทศไทยพึ่งพิงการท่องเที่ยว และการส่งออก รัฐบาลจึงพยายามเพิ่มตัวเลขการส่งออกให้มากขึ้น ปรับเพิ่มราคา คุณภาพสินค้าส่งออกให้สูงขึ้น ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ BCG ทำให้สินค้าเกษตรมีราคารสูงขึ้น เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมหภาค อย่างเป็นระบบของรัฐบาลแก้ไขทั้งเศรษฐกิจในประเทศ และระหว่างประเทศ 

ด้านการท่องเที่ยว มีอีก 4 ประเทศนอกจากไทยที่พึ่งพิงรายได้จากการท่องเที่ยว ได้แก่ สเปน ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และอิตาลี ซึ่งทั้ง 4 ประเทศนี้ เศรษฐกิจถดถอย ถึงร้อยละ 10 โดยสเปนถดถอยถึงร้อยละ 12 แต่ประเทศไทยเศรษฐกิจถดถอยร้อยละ 6.6 สถานการณ์จากโรคระบาดทำให้รายได้เราลดลง จึงเป็นข้อเท็จจริงที่รัฐบาลจำเป็นต้องปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้ได้ และเป็นแผนงานที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ จึงไม่อยากให้ประเด็นนี้กลายเป็นความขัดแย้ง และไม่อยากให้ประเด็นเรื่องวัคซีนเป็นประเด็นปัญหาทางการเมืองเนื่องจากห่วงว่าจะมีผลกระทบถึงวัคซีนที่ไทยได้สั่งจองไว้ 

ประเทศไทยดำเนินการเร็วในช่วงแรกของสถานการณ์โควิด ปิดประเทศเร็วจึงรับผลกระทบ แต่ผ่านมาได้อย่างสวยงาม ส่วนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระยะที่สอง รัฐบาลก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี และหากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ก็จะดีขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ ขอให้เห็นใจหน่วยงานและบุคลากรที่ทำงานด้านสาธารณสุขด้วย ซึ่งส่วนตัวนายกรัฐมนตรีได้รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน แพทย์ และประชาชน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาและออกข้อกำหนดต่าง ๆ 

นายกรัฐมนตรียืนยันว่าได้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปัจจุบันมีการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนได้มากขึ้นแล้ว แม้ในหลายประเทศจะยังมีผู้ติดเชื้อหลายล้านคน และยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากในประเทศรอบบ้าน แต่รัฐบาลไม่เคยชักช้าในการหารือเพื่อเจรจาลงนามจัดซื้อวัคซีนต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้เวลาในการพูดคุย มีการเจรจาต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ศบค. ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ย้ำว่ารัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ ทุกเรื่องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อเลือกสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดให้กับประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีชี้แจงแผนการใช้วัคซีนว่ากำลังดำเนินการซึ่งถือว่าไทยโชคดีที่จะมีการผลิตภายในประเทศ และจะเร่งดำเนินการให้ต่อเนื่องต่อไป นอกจากนี้ยังได้รับข้อมูลจากผลสำรวจเพิ่มเติมว่า คนไทยพร้อมฉีดวัคซีนกว่า 80% ไม่อยากฉีดวัคซีน 10% และมีความลังเล 10% ซึ่งมีกว่าครึ่งหนึ่งของประชาชนในประเทศที่มีความต้องการฉีดวัคซีน พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งจัดหาวัคซีนให้ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในช่วงแรก ๆ อาจพบปัญหาด้านราคาบ้าง เนื่องจากการแข่งขันด้านราคา แต่คาดว่าอีกระยะหนึ่งจะจัดหาได้สะดวกยิ่งขึ้นตามสถานการณ์ที่ดีขึ้นและมีการผลิตที่เพียงพอกับความต้องการ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ประเทศที่มีสัดส่วนผู้อยากฉีดวัคซีนสูงสุดคือ ประเทศจีน รองลงมาได้แก่ บราซิล แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา อินเดีย และสเปน ตามลำดับ ขณะที่ 5 ประเทศรั้งท้ายได้แก่ รัสเซีย ฝรั่งเศส โปแลนด์ ไนจีเรีย สวีเดน ทั้งนี้ ประเทศไทยอยู่ใน 5 อันดับแรกของโลกที่มีทัศนคติทางบวกในการยอมรับการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ในเรื่องการฉีดวัคซีนมีรายละเอียดเฉพาะของบุคคลซึ่งต้องนำมาพิจารณาด้วย โดยเราต้องมองในแง่หลักการ เหตุผล ทั้งในและต่างประเทศ กฎหมาย กระบวนการ และการรับฟังประชาชน

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรียืนยันว่าการใช้หน้ากาก มีการศึกษาในต่างประเทศที่พบว่า การใช้หน้ากากสามารถป้องกันอันตรายได้มากถึง 96.5% แต่ต้องใส่ให้ถูกวิธี หากสวมใส่ไม่ถูกวิธีจะทำให้ประสิทธิภาพลดลงเหลือเพียงร้อยละ 56 จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบการสวมใส่หน้ากากทั้งหน้ากากผ้าและหน้ากากอนามัยให้ถูกต้อง
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ