ข่าว

ซักฟอกกร่อย-ข้อมูลเก่า "บิ๊กตู่" แจงทุกประเด็น ขุดโกง-นิรโทษ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ซักฟอกกร่อย-ข้อมูลเก่า "บิ๊กตู่" แจงทุกประเด็น ขุดโกง-นิรโทษ โต้ฝ่ายค้าน "วิษณุ" ตอกกลับปมศูนย์ประชุมฯ "พิธา" สับบริหารศก.ล้มเหลว รัฐฮึ่มโซเชียลบิดเบือนฟ้องกราวรูด

 

               ซักฟอกวันแรกเดือด “บิ๊กตู่” แจงทุกเม็ดหลังฝ่ายค้านเปิดฉากด่ากร่าง-เถื่อน ยกเคส “ถุงขนมย่ำยีอำนาจตุลาการ ไม่ยอมติดคุก นิรโทษกรรม” "วิษณุ" แฉรัฐบาลก่อนรัฐประหารแก้สัญญาเช่าศูนย์สิริกิติ์ 50 ปี ด้านสภาป่วนฝ่ายรัฐบาลประท้วงวุ่น ยุทธพงศ์เรียก "คุณประยุทธ์” “ธนาธร-ปิยบุตร” โผล่สภาติวซักฟอก ด้านรัฐบาลเตือนโซเชียลตัดต่อคำพูดอภิปรายเจอฟ้อง

 

อ่านข่าว นายกฯ โต้ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นเรื่องบังคับไม่ได้
 

 

               เริ่มขึ้นแล้วสำหรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากวิปทั้งสองฝ่ายตกลงกันในเรื่องกฎเกณฑ์และแนวทางการซักฟอกว่าให้พูดถึงเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ และเรื่องในอดีตได้พอประมาณ โดยการอภิปรายครั้งนี้จะเริ่มจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ, พล.อ.อนุงพษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรายสุดท้าย ซึ่งฝ่ายค้านเตรียมผู้อภิปรายไว้ 42 คน ในจำนวนนี้เกินครึ่งหนึ่งจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว

 

‘อ.น้อง’เตือนบิ๊กตู่อย่าทำคิ้วย่น

 

               เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการปรับบุคลิกเพื่อเตรียมรับมือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ความจริงเป็นคนน่ารักมาโดยตลอด อารมณ์ดีเหมือนทุกครั้ง ถึงเวลาก็หยอกกันบ้างอย่างละนิดอย่างละหน่อยก็ไม่มีใครโกรธ สื่อก็ไม่เคยโกรธเรา เราก็ไม่เคยโกรธสื่อสักครั้ง ส่วนเรื่องปรับลุคนั้น เรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นเพราะลุคปกติของตนก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว สนุกสนานรื่นเริง อารมณ์ดี

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมครม. นายกฯ ได้กล่าวช่วงหนึ่งว่า การอภิปรายวันนี้ นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา สั่งไว้อย่าทำคิ้วย่น อย่าทำหน้าบึ้ง อย่าอารมณ์เสีย ให้ใจเย็นๆ ยิ้มเข้าไว้ ส่วนรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายก็ขอให้ชี้แจงด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริง อย่าชี้แจงในลักษณะตอบโต้ ขอให้ใจเย็นๆ เหมือนตน อย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ขอให้รัฐมนตรีเข้าประชุมสภาอย่างพร้อมเพรียงในเวลา 13.00 น. อย่าหนี

 

‘ชวน’เบรกอภิปรายเรื่อง‘ถวายสัตย์’

 

               จากนั้นเมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา เกียกกาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยนายชวนได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ทำให้จำนวน ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่และปฏิบัติหน้าที่ได้ขณะนี้คือ 487 คน องค์ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งคือ 244 คน

 

“สมพงษ์”เปิดฉากถล่มเละ“บิ๊กตู่”

 

               ต่อมานายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้แถลงญัตติเปิดไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนแรกว่า เป็นผู้ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล้มล้างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

 

               ใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม ละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพของบุคคลอย่างกว้างขวาง เป็นผู้นำประเทศที่กร่างเถื่อน มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ปิดปากผู้ที่มีความเห็นต่าง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเอง บริวารและพวกพ้อง เข้าข้างคนชั่วที่เป็นพวกโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม

 

               “พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถ ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ขาดคุณธรรม จริยธรรม แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำและองค์กรในกระบวนการยุติธรรม เรียกได้ว่าเป็นยุคยุติธรรมหมดตรง ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ลุแก่อำนาจ ขาดภาวะผู้นำ ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการดูแลด้านเศรษฐกิจ ส่งผลหากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนประเทศถึงแก่ความล่มจมได้” นายสมพงษ์ กล่าว

 

บิ๊กตู่ลุกโต้ฝ่ายค้านแจงทุกปม

 

               จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบโต้ผู้นำฝ่ายค้านว่า วันนี้เข้ามาด้วยความยินดี วันนี้มีรอยยิ้ม เข้ามาอยู่ในกระบวนการนี้ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หลายคนที่เข้ามาและบอกว่ารัฐธรรมนูญดีไม่ดี ก็เข้ามาด้วยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งอาจไม่ถูกใจใคร แต่เป็นหน้าที่ของผู้ที่รับผิดชอบ เข้ามาด้วยกระบวนการเลือกนายกฯ อย่าลืมว่าเข้ามาด้วยคะแนนมากกว่า 250 เสียง มากกว่าฝ่ายค้าน ไม่ได้มี ส.ว.เลือกมา บางอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริงโดยสมบูรณ์ หลายเรื่องไม่มีหลักฐาน อย่างไรก็ตามยืนยันไม่เคยมีแนวคิดล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ขอเปิดอก 

 

               แต่ก่อนกังวลเรื่องการโกง ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก็มีเรื่องราวหลายเรื่อง บริหารราชการไม่ได้ ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม มีคนไม่ยอมติดคุก การออกกฎหมายนิรโทษกรรมในเวลากลางคืน ปัญหาการจำนำข้าว การไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม นั่นคือเหตุผลที่เข้ามา ไม่เคยจับสื่อที่ไหนติดคุก ที่หาว่าใช้คำพูดหยาบคาย ไปถามสื่อได้เลย ไม่มีใครโกรธหรอก ท่านไม่เป็นธรรม ไม่เคยว่าท่าน ท่านสร้างความรู้สึกไม่ดีให้ผม พูดดุไปบ้าง นักข่าวทั้งทำเนียบเข้าใจหมด เพราะจริงใจ รัฐบาลทำให้ทุกจังหวัดอย่างจริงจัง ไม่เหมือนที่ภูเก็ตโดนมา อย่าไปก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่มีการทำผิด ใครจะไปลงโทษได้

 

               “เรื่องเศรษฐกิจ ต้องดูก่อนหน้านั้น ปี 2557 ทุกคนทราบเกิดอะไรขึ้น เราต้องไม่เกิดขึ้นอีก เรื่องมาตรา 44 กลั่นแกล้งข้าราชการผมจะทำไปทำไม ผมทำไปตามกรรมการคสช. ทำเพื่อแก้ปัญหา เรื่องสืบทอดอำนาจ เป็นเรื่องของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวกับคสช. เรื่องการทุจริต มีกี่คดี ทุกอย่างผมทำด้วยเจตนารมณ์บริสุทธิ์ ทำตามขั้นตอน ไม่ใช่สั่งให้ทำ ผมทำตามข้าราชการ ไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจเขาเลย เรื่องเอื้อประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้แค่การวิจารณ์ คาดการณ์ เรื่องประชานิยม เราดูแลเฉพาะคนที่เดือดร้อน ได้รับเงินตรง ซึ่งไม่ได้มากเลย เอาไปซื้อของกินจำเป็น เรื่องชิมช้อปใช้ ก็ไม่ได้เอื้อทุนใหญ่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงได้หมด” นายกฯ กล่าว

 

เย้ยขอข้ออภิปรายที่เป็นประโยชน์

 

               อย่างไรก็ตาม ที่บอกว่า เอื้อประโยชน์ให้ใครนั้น เป็นการวิเคราะห์ วิจารณ์ หรือคาดการณ์กันไป แล้วที่บอกว่ารัฐบาลใช้โครงการประชานิยม แต่เรียก tailor made หรือที่แปลว่าช่างตัดเสื้อ คือแก้ปัญหาให้กับประชาชนแต่ละกลุ่มที่มีรายได้น้อย ซึ่งเราต้องดูแลเรื่องนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังสามารถชี้แจงได้ รวมถึงเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน บีอีเอ็ม เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่สมัยไหน มีการให้สัมปทานมา 30 ปีแล้ว ซึ่งตนก็ต้องแก้ไข เพราะมีกรณีฟ้องร้อง เป็นทหารต้องรักษาสัตย์ รักษาจิตใจของตนเอง และต้องการให้การอภิปรายเป็นประโยชน์ เมื่อชี้แจงอะไรก็ให้กรุณาฟัง

 

“ยุทธพงศ์”ซัดซื้อขายที่ดินพ่อบิ๊กตู่

 

               ต่อมา นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย จ.มหาสารคาม กล่าวอภิปรายนายกฯ โดยระบุว่า เงินในบัญชีที่ยื่น รายรับน้อยกว่ารายจ่ายอย่างมาก เป็นความน่าสงสัย โดยเฉพาะกรณีซื้อขายที่ดินของบิดานายกฯ เป็นเงินตกมาถึงนายกฯ 540 ล้าน เป็นการร่ำรวยผิดปกติ ที่ดินแปลงนี้มันไม่ใช่ที่ดิน มันเป็นบ่อตกปลา วิญญูชนคนทั่วไปใครจะมาซื้อบ่อตกปลา ป้ายด้านหน้าเขียนห้ามไว้ การซื้อขายครั้งนี้ ราคา 600 ล้าน จึงเป็นเรื่องผิดปกติ เงิน 466 ล้าน มาอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบ

 

               "พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สีเขียวในเขตบางบอน ทั้งห้ามสร้างโรงงาน สร้างโรงแรม ห้ามประกอบการพาณิชยกรรม ห้ามสร้างห้องแถว ตึกแถว ห้องชุดอาคารชุด จึงสงสัยว่าซื้อไปทำอะไรได้ ผู้ซื้ออ้างว่าซื้อเพื่ออสังหาริมทรัพย์ ถ้าไม่หลับตาซื้อไม่มีใครซื้อ คุณประยุทธ์จึงต้องตอบกับสภาว่าเป็นคนจัดการทั้งหมดในการซื้อขายหรือไม่ จึงเป็นธุรกรรมที่น่าสงสัยว่าเป็นการฟอกเงินหรือไม่ เพราะมันแพงเกินไป

 

               และบริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ซื้อ ที่เพิ่งตั้งบริษัทก่อนซื้อขายเพียง 7 วัน คุณประยุทธ์จึงต้องชี้แจงกับการไปพัวพันกับเจ้าสัว บริษัทก็เป็นทาวน์เฮ้าส์เก่าๆ โทรมๆ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน ถามว่าเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ่อตกปลา และคุณประยุทธ์ไปติดต่อเรื่องการซื้อที่หรือไม่ คุณประยุทธ์ต้องชี้แจงว่าขั้นตอนซื้อขายอย่างไร ถ้าชี้แจงไม่ได้ ควรรับสารภาพอย่างชายชาติทหารว่าไปพบกับเจ้าสัวมาหรือไม่” นายยุทธพงษ์ กล่าว

 

ประท้วงวุ่นเรียก"คุณประยุทธ์”

 

               นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ไม่อาจไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ โดยข้อกล่าวหาคุณประยุทธ์ในส่วนที่จะกล่าวหามีดังนี้ 1.คุณประยุทธ์มีการกระทำขัดกันแห่งผลประโยชน์ในบัญชีรายการทรัพย์สินหนี้สิน ร่ำรวยผิดปกติ 2.ในฐานะคุณประยุทธ์ เป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน ได้ละเมิดหลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญ บังคับใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติทำให้รัฐเสียหายและไม่แก้ปัญหาจนถึงปัจจุบัน

 

               จากนั้น นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงผู้อภิปรายว่า ขอให้เรียกนายกรัฐมนตรีให้ถูกต้อง เพราะตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นตำแหน่งโปรดเกล้าฯ จะมาจิกหัวเรียกคุณประยุทธ์ คุณประยุทธ์ มองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ควรให้เกียรติต่อท่านนายกรัฐมนตรีด้วย

 

“ชวน”ชี้ไม่เรียกไอ้ก็ใช้ได้

 

               ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงขอให้วินิจฉัยเรื่องความเหมาะสมในการประชุมสภา หากผู้ใดเรียกท่านประธานว่า คุณชวน หลีกภัย ก็สามารถควบคุมได้ ขอให้ประธานวินิจฉัย ซึ่งประธานสภากล่าวว่า “เขาไม่เรียกไอ้ก็ใช้ได้ครับ”

 

อัดใช้ม.44ต่อสัมปทานเอื้อเจ้าสัว

 

               นายยุทธพงษ์ กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ต่อว่า คุณประยุทธ์เหิมเกริมต่ออำนาจ ใช้อำนาจในทางไม่ถูกต้องกรณีการต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้า ให้โอนเงินลงทุนจาก รฟม.มาเป็นของกทม. ประเด็นการต่อขยายรถไฟฟ้า จากการไปพัวพันกับเจ้าสัว มีการออกคำสั่ง มาตรา 44 ทั้งที่มีกฎหมายบังคับใช้แล้ว แต่ไม่รอให้เกิดความรอบคอบ ยกเว้นกฎหมาย ทำไมไม่ให้เขาเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนตามปกติ 

 

               กทม.ก็มีระบบบริหารสัญญาการเดินรถตามปกติ แต่กลับไปเร่งรีบดำเนินการออกมาตรา 44 โดยที่ไม่มีใครร้องขอ กทม.ก็ไม่ได้ร้องขอ แต่รัฐบาลกลับออกมาตรา 44 ต่อสัมปทานมา ไม่ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน ไปยกเว้นกฎหมาย เกิดการกินรวบ แทนที่คนอื่นจะมาแข่งขันได้ในส่วนต่อขยายเขียวเหนือ และเขียวใต้ เป็นการละเมิดกฎหมาย กรณีนี้ถือว่า คุณประยุทธ์เป็นโมฆบุรุษ ไม่อาจปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป

 

แจงที่ดินพ่อ-ยืนยันไม่รู้จักเจ้าสัว

 

               จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงกรณีนายยุทธพงษ์กล่าวหาเอื้อประโยชน์เจ้าสัว และรับประโยชน์จากเจ้าสัวซื้อที่ดินบิดาราคาแพงว่า “เป็นที่ดินนานแล้ว เป็นที่ดินผืนใหญ่ติดถนน 300-400 เมตร มันแพงเพราะติดถนนหรือเปล่า ที่เป็นบ่อน้ำคือคลองหนามแดง ไม่ใช่บ่อตกปลา ตรงกลางให้เช่าที่ปลูกพืช เรื่องการซื้อขาย เป็นข้อตกลงคนขายกับคนซื้อ ในปี 2556 พ่อไปติดป้ายประกาศตั้งแต่ปี 2554-2555 บริษัทนี้มาซื้อ ไม่รู้ว่าเป็นใครของใครด้วย ตอนนั้นเป็น ผบ.ทบ. จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นของใคร ปี 2556 ราคา 609 ล้าน ตอนนี้ราคา 800 กว่าล้าน ตอนแจงบัญชีทรัพย์สินเป็น ผบ.ทบ. แต่ตอนเป็นนายกฯ ก็แจ้งตามกฎหมาย ป.ป.ช.

 

               "คุณเป็นคนเข้าใจอะไรยาก ที่บอกว่าผมไม่ไปเยี่ยมคนอีสาน ตั้งแต่เป็นมาผมไปแล้ว 11 ครั้ง เรื่องการเปลี่ยนแปลงสัญญาศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มันมี 3 สัญญา เป็นการก้าวไปสู่สัญญา 3 เพราะสัญญา 2 มีการติดขัด การที่อัยการท้วงติงมา 10 ข้อ ยืนยัน หลังจากนั้นอัยการก็มีมติเห็นชอบ” นายกฯ กล่าวชี้แจง

 

“อุตตม”แจงต่อสัญญาเช่าศูนย์สิริกิติ์

 

               ด้าน นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวชี้แจงกรณีที่นายยุทธพงษ์อภิปรายถึงการแก้ไขสัญญาการให้เช่าและบริหารพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า การต่อสัญญาเช่าศูนย์สิริกิติ์ 50 ปี ยืนยันว่า ทางการเคร่งครัดผังเมือง โดยเน้นผลตอบแทนให้ประชาชนและรัฐสูงสุด ซึ่งเรื่องดังกล่าวอัยการสูงสุดมีหนังสือตอบเห็นชอบร่างสัญญาเรียบร้อย อีกทั้งการต่อสัญญาใช้มติคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขปัญหาในกรณีโครงการนี้ โดยมีจุดเริ่มต้นตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ 2556 สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 

               “ระยะเวลาการให้เช่า 50 ปี เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม แต่เพื่อให้สอดคล้องกับมูลค่าการลงทุนและผลตอบแทนให้รัฐ โดยทรัพย์สินทั้งหมดที่เอกชนลงทุนพัฒนา เมื่อครบสัญญาหรือเมื่อมีการบอกเลิกสัญญา หากมีการกระทําผิดสัญญา ยังตกเป็นของรัฐหรือกรมธนารักษ์ ทั้งหมด ไม่ได้เป็นของเอกชนแต่อย่างใด” นายอุตตม กล่าว

 

“วิษณุ”ไล่ไปดูรัฐบาลชุดใดเปิดช่อง

 

               นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พื้นที่ศูนย์สิริกิติ์ เป็นของกระทรวงการคลังที่ทำสัญญาให้บริษัท เอ็นซีซี แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จํากัด มาบริหารพื้นที่โดยเป็นคู่สัญญากับกรมธนารักษ์มาตลอด มีรายละเอียดสัญญาคือ ต้องสร้างโรงแรม 4-5 ดาว มีห้องพัก 400 ห้อง ที่จอดรถ 3,000 คัน มีศูนย์การค้าร้านค้า หากไม่ก่อสร้างภายใน 25 ปี ถือว่าผิดสัญญา ซึ่งต่อมาเกิดปัญหาขึ้น เมื่อบริษัทเอ็นซีซี บอกว่า ทำตามสัญญาไม่ได้ เพราะกระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎหมายผังเมืองให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่สีน้ำเงินคือ ห้ามมีสิ่งก่อสร้างสูงเกิน 23 เมตร 

 

               ดังนั้นในปี 2544 กระทรวงการคลังจึงหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า จะสามารถยกเลิกสัญญากับเอกชนได้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ถ้าการที่เอกชนไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ไม่ได้มาจากความผิดของเอกชน ก็ไม่สามารถจะยกเลิกสัญญาได้ ทำได้แค่แก้ไขสัญญา จึงเป็นที่มาของการแก้ไขสัญญาดังกล่าว มีการเอาเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการราชพัสดุ วันที่ 28 มีนาคม 2557 เป็นช่วง 2 เดือนก่อนรัฐประหาร ให้ไปดูว่าเป็นรัฐบาลใด

 

               “รมว.คลังขณะนั้น ในฐานะประธานกรรมการที่ราชพัสดุมีมติให้แก้ไขสัญญาให้บริษัทเอ็นซีซี เช่าสัญญาพื้นที่ศูนย์สิริกิติ์นาน 50 ปี ถือว่าเรื่องจบลง เพราะถ้าเป็นการแก้ไขสัญญาให้คู่สัญญารายเดิมไม่ต้องทำตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน จนกระทั่งนำไปสู่การลงนามสัญญาครั้งล่าสุด ยืนยันว่า รัฐบาล ฟังคณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด ทำตามขั้นตอนต่างๆ จนมาสู่บทสรุป ทั้งหมดนี้จะเอื้อใครหรือไม่ ต้องไปดูว่า เอื้อมาตั้งแต่รัฐบาลใด” นายวิษณุ กล่าว

 

“พิธา”จวกบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว

 

               นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายว่า ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ซึ่งมีการกลัวว่านักลงทุนจากต่างชาติหนีไป แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเมื่อปี 2562 กลับแย่พอๆ กัน และยังมีคนว่างงานในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แย่กว่าวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2552 ดังนั้นขอถามไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ว่าใครกันแน่ที่มั่นคงมั่งคั่ง และยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาที่เรียนจบใหม่กว่า 5 แสนคนหางานไม่ได้ 

 

               นอกจากนี้ยังมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและกลุ่มแรงงานไม่มีความมั่นคงในชีวิต แต่ที่เรามาถึงจุดนี้ได้เพราะการบริหารเศรษฐกิจของพล.อ.ประยุทธ์ เหมือนการนำยาพาราเซตามอลไปรักษามะเร็ง แค่บรรเทาความเจ็บปวด แต่พาราเม็ดนี้มีมูลค่า 5 แสนล้านแต่ไม่มีประสิทธิภาพสิ่งที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดไม่ว่าจีดีพีจะโตเท่าไรก็ไม่สำคัญถ้าจีดีพีโตแต่หากยิ่งเหลื่อมล้ำจะมีจำนวนคนจนมากขึ้น

 

               สำนักข่าวต่างประเทศได้รวบรวมตัวเลขไว้ว่า ถ้าเรานำความมั่งคั่ง 5 ตระกูลเจ้าสัวจะมีมูลค่า 5.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณประเทศไทย ดังนั้นจริงหรือไม่ที่พล.อ.ประยุทธ์เอื้อประโยชน์แก่กลุ่มซีพี หรือจริงหรือไม่ที่เอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจเหล้าขาวและปรับภาษีสุราชุมชนทำให้คำถามว่ายุทธศาสตร์ประชารัฐใครได้ประโยชน์ เพราะราคาอ้อยไม่ได้ดีขึ้น และรัฐบาลมีความชอบธรรมเอื้อประโยชน์ให้นายทุนหรือไม่เราต้องทลายทุนผูกขาดให้คนไทยเท่าเทียมกัน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไปอีก 1 วัน ประเทศชาติก็เสียหายอีก 1 วันจึงไม่สามารถไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์แม้แต่วันเดียว

 

ธนาธร-ปิยบุตรโผล่สภาติวเข้มซักฟอก

 

               ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรค ยังคงเดินทางเข้าร่วมประชุมกับ ส.ส.อนาคตใหม่ บริเวณห้องทำงานพรรคอนาคตใหม่ ชั้น 3 อาคารรัฐสภา เพื่อมาร่วมเตรียมความพร้อมให้แก่ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยนายธนาธรกล่าวว่ามั่นใจว่าข้อมูลที่เตรียมมาจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนว่า ไม่สามารถไว้วางใจให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งได้อีก

 

รัฐบาลเตือนตัดต่อคำพูดเจอฟ้อง

 

               วันเดียวกัน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี พร้อมตอบทุกประเด็น และนำเสนอข้อมูล สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่าการอภิปรายจะเป็นประโยชน์ และจะได้ชี้แจง และนำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ในการบริหารและขับเคลื่อนงานของรัฐบาล และขอให้ผู้อภิปรายได้นำเสนอข้อเท็จจริงมาอภิปราย 

 

               ไม่นำข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล หรือเป็นการโยงใยที่ไม่มูลฐานความจริง ข้อมูลเท็จ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน รวมทั้งขอให้สื่อได้รายงานข่าวตามข้อเท็จจริง และสื่อสังคมออนไลน์อย่านำข้อมูลคำอภิปรายไปบิดเบือน หรือตัดต่อเฉพาะบางคำพูด จนเกิดกลายเป็นข้อมูลเท็จ และนำไปสู่การดำเนินคดี หากเกิดความเสียหาย

 

               “รัฐบาลจะนำข้อมูลและข้อเท็จจริง ที่ได้นำเสนอ อธิบาย ต่อสภาผู้เทนราษฎร หรือข้อมูลที่ยังนำเสนอได้ไม่ครบต่อสภาด้วยข้อจำกัดของเวลา ออกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์รัฐบาลไทย www.thaigov.go.th และเว็บไซต์ของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งสื่อมวลชนและประชาชนสามารถไปติตตาม รับทราบได้อย่างครบถ้วนด้วย” นางนฤมล กล่าว

 

มาดามเดียร์เย้ยฝ่ายค้านฉายหนังซ้ำ

 

               ด้าน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรีของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า จากการติดตามการอภิปรายในวันแรก ส่วนใหญ่เป็นการอภิปรายในรูปแบบการเมืองเก่า มุ่งเน้นประเด็นสร้างความขัดแย้งทางการเมืองที่เคยปรากฏตามหน้าสื่อมวลชนรายงานมาหมดแล้ว และทางฝั่งรัฐบาลก็เคยชี้แจงมาแล้วทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่นการกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งไม่ถูกต้อง ขัดกับหลักประชาธิปไตย ทั้งที่ความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาจากการเลือกตั้ง ตามกลไกประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติของพี่น้องประชาชน

 

‘เฉลิม-เจ๊หน่อย’นำฝ่ายค้านเชือด

 

               ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกพึงพอใจกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีหลายบุคคล โดยมีขุนพลคนสำคัญ นายยุทธพงศ์ ที่ได้อภิปรายเกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขสัญญาร่วมทุนการบริหาร และดำเนินการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่เอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวก นี่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม #ยุทธการอรุณรุ่ง ได้เกิดขึ้นแล้ว จึงรอเพียงแค่เวลาที่ “จันทร์โอชา” ดับ เท่านั้น

 

               คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังร่วมประชุมกับทีม ส.ส.เพื่อไทยที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ได้เตรียมความพร้อมหลังจากว่างเว้นการอภิปรายมา 7 ปี ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ โดยมั่นใจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะ ส.ส.ฝ่ายค้านทำการบ้านอย่างหนัก และจะพูดในฐานะตัวแทนประชาชน ที่ประสบปัญหากับการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพนานกว่า 6 ปี รวมถึงมีการนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้โดยที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ จึงขอให้ประชาชนติดตามการอภิปราย

 

“แรมโบ้”อัดยุทธพงศ์ก้าวร้าว

 

               นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการทีมวอร์รูมนอกสภา ได้ให้สัมภาษณ์ที่พรรคพลังประชารัฐว่า วันนี้ทีมวอร์รูมนอกสภาได้นั่งฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคฝ่ายค้านของนายยุทธพงศ์  รู้สึกเห็นใจ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อุตส่าห์หมายมั่นปั้นมือไว้วางใจให้นายยุทธพงศ์เปิดเกมยุทธการ ”รุ่งอรุณ“แต่งานนี้กลับดับสนิท 

 

               มีพี่น้องชาวอีสานจำนวนมากโทรศัพท์มาให้ช่วยบอกนายยุทธพงศ์ที่มีนิสัยพฤติกรรมก้าวร้าวเช่นนี้ พฤติกรรมที่ใช้วาจาในสภาอันทรงเกียรติ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ไปเรียก พล.อ.ประยุทธ์ว่า “คุณประยุทธ์” ทั้งที่มีการประท้วงและประธานสภาพูดเตือนสติให้คิดอยู่บ่อยๆ ก็ดื้อรั้น ไม่ยอมเปลี่ยนคำเรียก “นี่ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของลูกหลานชาวอีสานที่ดี ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างและไม่สมควรอย่างยิ่ง”

 

บิ๊กตู่ยันเจ้าสัวอยู่คู่ทุกรัฐบาล

 

               ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย โจมตีประเด็นเศรษฐกิจว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมีมาก่อนรัฐบาลของตนจะเข้ารับตำแหน่ง แต่รัฐบาลแก้ปัญหาโดยไตรมาสแรกในปี 2557 ที่จีดีพีขยายตัวเพียง 0.7 แต่ในไตรมาสแรกของปี 2561 สามารถทำจีดีพีขยายตัวได้ถึง 5.0 และสิ่งที่ฝ่ายค้านว่ารัฐบาลเอื้อเจ้าสัวนั้น เจ้าสัวที่ว่าก็อยู่มาทุกรัฐบาล 

 

               อย่างไรก็ตาม 7 เดือนของรัฐบาลนี้สามารถประคับประคองเศรษฐกิจได้ดีพอสมควร อย่ายกส่วนที่ไม่ดีมาพูดเพียงอย่างเดียว ส่วนที่กล่าวหาตนเยอะแยะว่าไปเอื้อประโยชน์ต่างๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ มีความเสียหาย 124,646 ล้านบาท ใกล้มาอีกนิดหนึ่งก็เสียหาย 489,761 ล้านบาท เรื่องอะไรท่านทราบดี ทุจริตต่างๆ เยอะไปหมด แต่ยังไม่มีเรื่องราวอะไรของตนเลย คิดว่าประชาชนที่อยู่ทางบ้านเข้าใจ

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ