ข่าว

"ช่อ" อภิปรายนอกสภา โยง "นายกฯ-กองทุนมาเลย์ฯ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ช่อ" อภิปรายนอกสภา โยง "นายกฯ-กองทุนมาเลย์ฯ" กต.ขอต่างชาติอย่าล้ำเส้น "อนาคตใหม่" ชี้ลงถนนเรื่องปกติ

 

              “ช่อ” เปิดซักฟอกรัฐบาลบิ๊กตู่นอกสภาครั้งแรก พร้อมเปิดหลักฐาน อ้างเกี่ยวพันคดีโกงเงินที่มาเลย์ ช่วยอาชญากรข้ามชาติกบดานในไทย ด้าน “บัวแก้ว” ขอต่างชาติเคารพอธิปไตยของไทย ยัน "คดียุบพรรคอนค." ยึดตามหลักก.ม. อดีตโฆษกอนาคตใหม่ แจงการลงถนนไม่ใช่ป่วนเมืองหรือทำสังคมเดือดร้อน

 

อ่านข่าว "ช่อ" ชำแหละนอกสภา ปูด บิ๊ก รบ. พันคดีทุจริต 1MDB

 

              วันที่ 23 กุมภาพันธ์ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรค ประกาศตั้งคณะอนาคตใหม่ขึ้นมาแทนนั้น ล่าสุดคณะอนาคตใหม่จัดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาครั้งแรก หัวข้อ “ฉาวระดับอินเตอร์เนชั่นแนล” ที่ศูนย์ประสานงานอนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรี

 

              น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ สมาชิกคณะอนาคตใหม่ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงเงิน ซึ่งเป็นคดีการเงินที่อื้อฉาวใหญ่ที่สุดในโลก 1 เอ็มดีบี (1 Malaysia Development Berhad) ผ่านกองทุนแห่งรัฐ หรือ Sovereign Wealth Fund ที่ก่อตั้งโดยนายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในปี 2551 แต่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องจนมีหนี้สะสม กว่า 3.7 แสนล้านบาทภายใน 6 ปี

 

              และในปี 2558 ได้ถูกเปิดโปงข้อมูลหลายแสนล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นภาษีของประชาชนชาวมาเลเซียรั่วไหลเข้าสู่กระเป๋าของผู้มีอิทธิพลทั่วโลก และฟอกเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ และมาเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในฐานะพันธมิตรมืดในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

 

              “รัฐบาลมีพฤติกรรมปกปิดข้อเท็จจริงกรณีอาชญากรรมการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผ่านกระบวนการยุติธรรมและปล่อยอาชญากรรมข้ามชาติให้ลอยนวล ทั้งที่มีฝ่ายความมั่นคงไทยดูแล แต่กลับพบการให้ที่พำนักและปกปิดข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายแดง ทั้งที่ตำรวจสากลในหลายๆ ประเทศต้องการตัว จึงถือเป็นการบ่อนทำลายความสัมพันธ์อันดีกับชาติพันธมิตรของไทยและขัดต่อหลักสากลเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

 

              น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การจับกุมนายชาเบียร์ ฆุสโต ผู้เปิดโปงคดี 1 เอ็มดีบี ภายใน 4 สัปดาห์ที่ประเทศไทยในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ ที่ได้รับสารภาพในเวลาต่อมาว่ากุเรื่องกองทุน 1 เอ็มดีบี ขึ้นเพื่อโจมตีนายนาจิบ และพบว่าไม่ได้โอนตัวไปรับโทษที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามคำขอ ทั้งที่มีสัญญายืมตัวนักโทษประกัน และเมื่อพ้นโทษถูกห้ามเข้าประเทศไทย 100 ปี แสดงให้เห็นถึงการต้องการปกปิดข้อเท็จจริงบางประการอย่างชัดเจน อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าความมั่นคงและกฎหมายของไทย ไม่สามารถให้ความเป็นธรรมได้

 

              “ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยได้ว่ารัฐบาลไทยมีส่วนช่วยปกปิดคดีอื้อฉาว พร้อมขัดขวางกระบวนการยุติธรรมของต่างประเทศ ดิฉันยืนยันหลักฐานทั้งหมดได้รับการรับรองจากศาลสวิตเซอร์แลนด์แล้วว่าเป็นข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม แม้นายนาจิบจะไปแล้ว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่

 

              ครั้งนี้จึงเป็นการเริ่มต้นเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตอบข้อสงสัยของสังคมและรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ และอยากให้คนไทยออกมาเรียกร้องให้ทุกคนออกมาตรวจสอบการกระทำทั้งหมดในคดี 1 เอ็มบีดี แม้การทุจริตทั้งหมดจะไม่มีใบเสร็จให้ตรวจสอบ แต่เชื่อว่าเรื่องนี้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้มีอำนาจได้รับเงินก้อนโตจากผู้มีอำนาจจากมาเลเซีย" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

 

              สมาชิกคณะอนาคตใหม่ผู้นี้บอกด้วยว่า เรื่องดังกล่าวนี้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาและสวิตเซอร์แลนด์ กำลังตรวจสอบเรื่องอื้อฉาวนี้อยู่ จึงอยากให้คนไทยลุกขึ้นมาเรียกร้องถามหาความจริงจากผู้นำที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะพรรคอนาคตใหม่ไม่มีโอกาสทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลนี้อีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินใจยุบพรรคอนาคตใหม่ 

 

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พรรณิการ์ได้เปิดเผยเอกสารและคลิปเสียงสนทนาที่เกี่ยวข้องกับคดีประกอบการอภิปรายครั้งนี้ด้วย โดยมีประชาชนจำนวนกว่า 300 คน รวมทั้งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ มาร่วมรับฟังการอภิปรายด้วย นอกจากนี้ ภายในงานเจ้าหน้าที่ของพรรคอนาคตใหม่ มีการนำปฏิทินและสมุดโน้ตที่มีสัญลักษณ์ของพรรคอนาคตใหม่มาแจกให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงานอีกด้วย

 

              นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ระบุว่าขอยืนเคียงข้างกับทุกคน I stand in solidarity with you all

 

              ภาพของพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ได้ลุกขึ้นมาสู้กับความอยุติธรรมด้วยตัวเอง ผู้คนที่ไม่ยอมเพิกเฉยต่ออำนาจเผด็จการ ผู้คนที่ไม่ยอมเหนียมอายต่อหน้าความอยุติธรรมผู้คนที่ร้อยรัดกันด้วยความหวัง และความฝันที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่ก้าวหน้า เท่าเทียมและเป็นธรรมหลังการสิ้นสุดของการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 24-28กุมภาพันธ์ที่กำลังจะถึงนี้

 

              ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ออกถ้อยแถลงกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า ประเทศไทยรับทราบความสนใจของบางประเทศต่อกรณีคดีความ ซึ่งนำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563

 

              ขณะเดียวกัน คำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 โดยปราศจากอคติต่อการกระทำหรือผู้กระทำที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ควรคำนึงด้วยว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้รับความเห็นชอบจากประชาชนผ่านการทำประชามติ โดยได้นำหลักกฎหมายในรัฐธรรมนูญมาประกอบเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่เข้าร่วมการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมาใช้

 

              นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างค่านิยมของประชาธิปไตยและการเมืองพหุนิยม พร้อมเชื่อว่า โดยเคารพอธิปไตยของประเทศไทย มิตรประเทศจะสนับสนุนประเทศไทยในการปฏิบัติตามกฎหมายสูงสุดของประเทศเหมือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับที่ประเทศไทยปฏิบัติต่อสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศ

 

              ด้าน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กในเรื่องเดียวกันว่า แต่ละประเทศมีประวัติศาสตร์​ มีขนบธรรมเนียมและประเพณีที่ไม่เหมือนกันและไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน​ มิตรประเทศที่ดีแสดงความรัก​ ความเป็นห่วง​ และความปรารถนาดีที่มีต่อกันได้​ แต่ต้องเคารพความแตกต่าง​ กฎหมายของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน​ ระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของสหรัฐแตกต่างจากระบบของไทยอย่างสิ้นเชิง​ อเมริกันต้องไม่ก้าวก่าย​ งดเว้นไม่วิจารณ์กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทย

 

              “การเมืองเป็นเรื่องการแย่งชิงอำนาจในการบริหารประเทศ​ สหรัฐต้องไม่เข้าข้างพรรคการเมืองหรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างออกนอกหน้า​ มิเช่นนั้น​ จะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ​ ระหว่างประชาชนคนไทยและคนอเมริกัน หวังว่า​ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐจะเข้าใจในมารยาททางการทูต” อดีตรองผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติระบุ

 

              ด้าน น.ส.พรรณิการ์  ให้สัมภาษณ์ว่า การทำงานของคณะอนาคตใหม่ยังจะเดินหน้าต่อไป การรณรงค์เพื่อให้นโยบายที่เราเคยหาเสียงไว้เราก็ยังคงดำเนินการต่อไป รณรงค์ร่วมกันไป รวมถึงเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นด้วยที่คณะอนาคตใหม่ก็จะผลักดันต่อไป ส่วนความชัดเจนของการทำงานนั้นคงต้องหาเวลาคุยกัน ตอนนี้ยังมีงานธุรการต้องจัดการหลังจากมีคำสั่งให้ยุบพรรค หลังจากนั้นจึงจะมานั่งคุยกันจริงจังวางแผนว่าช่วงปีที่เหลือจะทำอะไรบ้าง เช่นเดียวกับการซักฟอกนอกสภาถ้ามีคนชอบก็อาจจะมีอีก

 

              ส่วนแนวคิดรวมตัวลงถนนหรือไม่นั้น น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เรื่องนี้พูดกันหลายครั้งแล้วว่าสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเป็นสิทธิที่ได้การรับรองตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเวลาที่พูดว่าจะลงถนนหรือไม่ ก็ไม่อยากให้คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้ายหรือจะเป็นเรื่องป่วนเมือง ที่ผ่านมามีการแสดงออกโดยการชุมนุมหลายครั้ง ทุกครั้งก็เห็นว่าสงบเรียบร้อยไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนสังคมโดยรวม

 

              “คิดว่าการแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อสภาพการณ์ในสังคมต่อรัฐบาล ตราบใดที่ยังอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ประชาชนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการใช้สิทธินั้นในฐานะพลเมือง” น.ส.พรรณิการ์ยืนยัน

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ