ข่าว

นายกฯ รับทุกนโยบายหาเสียงทำไม่ได้ทั้งหมด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รับทุกนโยบายหาเสียงทำไม่ได้ทั้งหมด เหตุใช้งบเยอะ - ต้องวางแพลนทำเป็นระยะ บอกใครเป็นรัฐบาลให้มาทำให้ได้ตามสัญญา

 

               รัฐสภา 19 ตุลาคม 2562 เมื่อเวลา 17.45 น.  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท โดยชี้แจงในหลายประเด็น โดยเฉพาะที่ ส.ส. พรรคฝ่ายค้านระบุว่านโยบายหาเสียงไม่สามารถปฏิบัติได้จริง ว่า

 

 

 

               นโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านรวมกัน หากทำทั้งหมดจะใช้เงินประมาณ 2 ล้านล้านบาท เมื่อเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องพิจารณาว่าแต่ละเรื่องควรทำในกรอบแค่ไหน และภายใต้ระยะเวลาเท่าใด ไม่ใช่สัญญาว่าจะทำแล้วไม่ได้ทำ

               “ที่สัญญว่าจะทำแล้วไม่ได้ทำ ผิดสัญญา ก็เป็นแบบนี้ ทุกรัฐบาลเป็นแบบนี้ เพราะทำไม่ได้จริง ต้องมองข้อเท็จจริงจากผมด้วย เมื่อใครได้มาเป็นรัฐบาลให้มาทำให้ได้ก็แล้วกัน อย่างไรก็ตาม ผมยืนยันว่าสถานะการคลังของรัฐบาลไม่ถังแตก เพราะมีเงินคงคลังที่สามารถเบิกจ่ายได้ก่อน ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ารัฐบาลมีการจัดเก็บรายได้ผ่านการรีดภาษีโดยไม่เป็นธรรมนั้น ยืนยันว่า การเก็บภาษีต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น เกษตรกรไม่เสียภาษี คนรวยต้องเสียภาษี ขณะนี้นิติบุคคลต้องเสียภาษี ซึ่งตนเตรียมให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลระดับใด” พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง

               พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงด้วยว่า สำหรับการลงทุนในโครงการของรัฐที่เสนอขอจัดสรร รวม 9 หมื่นล้านบาท ยืนยันว่า เพียงพอ เพราะหลายโครงการรัฐบาลให้เอกชนร่วมลงทุน ขณะที่งบประมาณเพื่อเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จำนวน 80 ล้านบาท เพียงพอ เพราะใช้ส่วนของการเจรจา ชักจูง และแมตชิ่ง

 

 

 

               อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ใช่เจ้าของบริษัท อย่าเข้าใจว่ารัฐบาลทำอะไรก็ได้ เพราะมีหน้าที่อำนวยความสะดวก ออกกฎหมาย เป็นต้น ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ระบุว่าเอกชนจะได้รับที่ดินทอง มูลค่าสูง กรณีพื้นที่มักกะสัน เอกชนจะได้พื้นที่ไปบริหาร จำนวน 140 ไร่ จากเนื้อที่ทั้งหมด 745 ไร่ ทั้งนี้ เอกชนไม่ได้ที่ดิน แต่ต้องเช่าโดยรัฐบาลจะได้รายได้จากค่าเช่าระยะ 40 ปี รวม 5.8 หมื่นล้านบาท และหลังจากสิ้นสุดสัญญาเช่าทรัพย์สินต้องโอนให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ส่วนสัญญากับเอกชนที่ระบุว่าไม่เปิดเผยนั้น ตามกฎหมายระบุว่าสัญญาจะเปิดเผยได้หลังจากการลงนามแล้ว 30 วัน ขณะที่พื้นที่ที่จะส่งมอบให้เอกชนลงทุน ล่าสุดมีจำนวน 72 เปอร์เซ็นต์ ของโครงการที่พร้อมส่งมอบ

               “ที่ท่านท้วงว่าโครงการ ชิมช้อปใช้ ควรยกเลิก ต้องไปบอกประชาชนให้มาบอกผมเพื่อยกเลิก ทั้งนี้ ตัวเลขที่ได้จากโครงการไม่ใช่ตัวเลขที่หลอกลวง เพราะมีตัวเลขที่ยืนยันได้ว่าประชาชนพอใจ ทั้งนี้ กับการทำงานในสภา ผมเริ่มชินแล้ว แต่ผมอาจจะเสียงดัง และมีท่าทีไม่สง่างามเหมือนท่านที่สมาร์ท ซึ่งตอนนี้ผมเริ่มคุ้นเคย ต่อไปผมทำงานสภาดีกว่า โก้ หรู และอากาศเย็นสบาย” พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ