รวบแล้ว หนุ่มงัดตู้เติมน้ำมันหยอดเหรียญ อ้าง หาเงินรักษาเมีย

                   เมื่อเวลา 11.30 น. ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 พ.ต.อ.ศุภชัย  ศรสุคนแก้ว ผกก.สภ.บางโทรัดได้นำตัวนายสุชาติ  กล้าหาญ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/36 ม.6 ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง ผู้ต้องหาลักทรัพย์พร้อมด้วยของกลาง จยย.สวมใส่เครื่องแต่งกายในคืนที่ก่อเหตุ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หน้าร้านขายของชำและอาหารตามสั่ง  เลขที่17/10 หมู่1ต.นาโคก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อเหตุเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 31 มกราคม 2563ที่ผ่านมา โดยการขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่  สีขาว-เหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนท้าย แต่งกายมิดชิด คืนที่ก่อเหตุรอบแรกเข้าไปตบกล้องวงจรตัวที่อยู่หน้าร้านให้คว่ำหน้าลง จากนั้นก็ขับขี่ เข้ามาบริเวณข้างร้าน ซึ่งเป็นที่ตั้งตู้น้ำมันหยอดเหรียญ โดยทำทีเติมน้ำมันก่อนจากนั้นอาศัยความมืดเส้นทางที่ก่อเหตุมีไฟส่องสว่างไม่เพียงพอ ไม่มีรถสัญจรผ่านไปมา เมื่อสบโอกาสก็ใช้อุปกรณ์งัดแงะ(มีดคัตเตอร์ เหล็กงัดยาง ตะไบเจียเป็นมีด)ที่นำติดตัวมาด้วย ทำการงัดห่วงคล้องแม่กุญแจจนขาดแล้วเปิดเอากล่องเงินหลบหนีไป

หลังจากผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของตู้น้ำมันหยอดเหรียญก็ได้รวบรวมหลักฐานไปแจ้งความไว้ที่สภ.บางโทรัด จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่สุด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แกะลอยเส้นทางที่หัวขโมยใช้ในการหลบหนี กล้องวงจรจากร้านต่างๆในพื้นที่บางโทรัดทั้งปั้มน้ำมัน หน้าบริษัท ร้านสะดวกซื้อซึ่งก็ปรากฏภาพผู้ต้องหาที่ชัดเจนโดยยืนหันหลังให้กล้องวงจรปิดของร้านสะดวกซื้อในพื้นที่บางโทรัด ซึ่งแต่งกายสวมเสื้อคลุมสีดำมีตัวอักษรภาษาอังกฤษปรากฎด้านหลัง,หน้าอก สวมกางเกงยีนส์ ขับขี่รถจักรยานยนต์ สวมหมวกกันน๊อค เหมือนกับชายที่ปรากฏในคลิปขณะก่อเหตุ โดยเมื่อเวลา14.00น.ของวันที่ 6กุมภาพันธ์ 2563จับกุมได้ในท้องที่สภ.บางโทรัดพร้อมของกลางดังกล่าวและเงินสดติดตัว200บาท พบว่าผู้ต้องหารายนี้ทำงานอยู่ในพื้นที่บางโทรัด เคยถูกจับกุมมาแล้วในคดียาเสพติดในท้องที่จังหวัดระยอง ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุดังกล่าวจริงได้เงินจากตู้น้ำมันหยอดเหรียญไปประมาณ 2,000 บาท ที่ก่อเหตุเนื่องจาก ทำงานคนเดียว เงินไม่พอใช้

มีความจำเป็นต้องหาเงินเป็นค่ารักษาภรรยาที่ป่วยอยู่ จึงถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ ใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสภ.บางโทรัดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เจ้าของร้านขายของชำก็รู้สึกโล่งใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว เหตุผลที่ผู้ต้องหาอ้างว่าหาเงินไปรักษาภรรยาที่ป่วย ก็รู้สึกว่าแม้จะต้องการใช้เงินแต่มาก่อเหตุแบบนี้มันก็ไม่สมควรทำทางด้านผกก.สภ.บางโทรัดได้ขอบคุณร้านขายของชำที่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสะดวกขึ้น และฝากไปถึงพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หมั่นตรวจตราดูแลทรัพย์สินให้อยู่ในความเรียบร้อยและปลอดภัย

ชูชาต  แดพยนต์  ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสมุทรสาคร