คนใจเหี้ยม ยิงเหล็กใส่เจ้าตูบท้อง 3-4 เดือน สภาพอิดโรย

                    วันที่ 1 ก.พ. 2563  ผู้สื่อข่าวรายงานพบสุนัขถูกทำร้าย  โดยการใช้เหล็กแหลมก้านล่ม  ทำเป็นลูกดอกในการใช้กับปืนยิงปลา มายิงสุนัขได้รับบาดเจ็บติดคาทะลุหลังคอได้รับบาดเจ็บ  เหตุเกิดที่บริเวณบ้านเลขที่ 57/1  หมู่ที่ 8  ตำบลแสวงหา  อำเภอแสวงหา  จังหวัดอ่างทอง  ซึ่งเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูงไม่มีรั้วบ้าน  เลี้ยงสุนัขไว้ จำนวน 6 ตัว  ซึ่งปลูกอยู่ติดถนนปูนภายในหมู่บ้าน  พบสุนัขไทยพันธุ์ผสม  เพศเมีย  สีดำ อายุประมาณ 2 ปี 5 เดือน  กำลังตั้งท้องได้ 3 - 4 เดือน  ที่บริเวณหลังคอด้านบนมีร่องรอยบาดแผลถูกของมีคมแทงทะลุหลัง  คอมีเลือดไหลติดอยู่บริเวณขนด้านบนคอได้รับบาดเจ็บ

จากการสอบถาม  นาย สำอางค์  แสงคง อายุ 65 ปี  เจ้าของสุนัขที่ได้รับบาดเจ็บ  เล่าให้ฟังว่า  ตนเองเลี้ยงสุนัขไว้ จำนวน 6 ตัว  เมื่อคืนวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา  ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.  ตนเองได้ยินเสียสุนัขร้องเสียงดังโหยหวน  คล้ายถูกทำร้ายมาจากบริเวรหลังบ้าน  จึงได้เดินลงไปดู  พบว่า นาง ปุย  สุนัขไทยพันธุ์ผสม  เพศเมีย  สีดำ  อายุประมาณ 2 ปี 5 เดือน  ที่กำลังตั้งท้องได้ 3 - 4 เดือน  ถูกคนใจร้ายใช้เหล็กแหลมคล้ายก้านร่ม  ที่ตรงปลายแหลม  มีความยาประมาณ 40 เชนติเมตร  ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าลูกดอก  ที่ใช้กับปืนยิงปลา  ได้ยิงไปติดที่บริเวณหลังคอ นาง ปุย  จนได้รับบาดเจ็บเลือดไหลนองท่วมตัว

เบื้องต้นได้เรียกลูกชายมาช่วยกันเพื่อจับ นาง ปุย  เพื่อทำการช่วยเหลือ  แต่ นาง ปุย  ที่ได้รับบาดเจ็บมีเหล็กแหลมติดอยู่บริเวณหลังคอ  ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ตัว  วิ่งหนีเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าหลังบ้าน จนกระทั่งรุ่งเช้า  ตนเองได้และลูกชายได้มาพบ นาง ปุย  มานอนหมดเรี่ยวแรงที่บริเวณใต้ถุนบ้าน  จึงได้ช่วยกันจับ นาง ปุย  ไว้ได้ในสภาพอิดโรย  และได้ช่วยดึงลูกดอกที่เสียทะลุหลังคอออก  โชคยังดีลูกดอกไม่โดนจุดสำคัญ  จึงดึงออกมาได้โดยง่าย  ส่วน นาง ปุย  หลังจากได้ทำการช่วยเหลือแล้วก็มีอาการดีขึ้นจนปลอดภัยแล้ว  และได้วิ่งไปอยู่ร่วมกับฝูงสุนัขตัวอื่นได้  ตนเองคิดว่าคนที่มาทำร้ายสุนัขนั้น  คาดว่าชาวบ้านที่ผ่านมาคงรำคายเสียเห่า  หรือวิ่งไล่กัดขณะเดินทางผ่าน  และได้ผูกใจเจ็บกลับไปเอาปืนยิงปลา กลับมายิงสุนัขของตนเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วหลบหนีไป  เบื้องต้นไม่ติดใจเอาความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด  แต่ขอให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรมทั้งในชาตินี้และชาติหน้ากันต่อไป

ภาพ/ข่าว : ศุภเสกข์  แสงตระการ  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  จ.อ่างทอง