ข่าว

รวบแก๊งหลอกเช่ารถ 40 คันขาย - จำนำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตร. ฝากเตือนผู้ให้เช่ารถต้องระมัดระวัง หากตกเป็นผู้เสียหายต้องรีบเข้าแจ้งความเพิ่ม

 

              เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 6 ก.ย. 62  พล.ต.ต.วิศาล พันธ์มณี ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง รอง ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.ปองภพ ประสบพิชัย รอง ผกก.จร.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.ต.สุชาติ ชุมภูแสง สว.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดวิเคราะห์อาชญากรรม กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย

 

 

 

              1. นายเมธาวี ธรรมฉันธะ ตามหมายจับของ ศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 230/2562 , 244/2562 ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์” และตามหมายจับของ ศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 246/2562 ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” 2. นางสาวชนิดา ราชแสง ตามหมายจับของ ศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 245/2562 ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์” และ 3. นางสาว ธมลวรรณ ธรรมฉันธะ ตามหมายจับของ ศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 229/2562 ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์”

              พล.ต.ต.วิศาล เปิดเผยว่า ด้วยเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม มีประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนหลายราย รวมตัวกันเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายซึ่งใช้กลอุบายตระเวนเช่ารถยนต์กับประชาชนและผู้ประกอบการรถเช่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 30 - 40 คัน แล้วนำไปขายต่อ หรือไปจำนำในพื้นที่จังหวัดตรัง , พัทลุง และนครศรีธรรมราช แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยมี พ.ต.อ.ประวิทย์ เข้ารับฟังข้อมูลจากประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนด้วยตนเอง จึงได้ประสานกับ พ.ต.อ.สมพงษ์ เพื่อขอให้พนักงานสอบสวนเข้าร่วมฟังเพื่อที่จะได้เข้าใจทราบถึงแผนประทุษกรรมของคนร้ายเพื่อที่จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว บรรเทาความเสียหายให้กับประชาชนผู้เสียหายได้

 

 

 

              ภายหลังจึงได้สั่งการให้มีการประชุมเพื่อวางแนวทางการสืบสวนและติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้รวบรวมข้อมูลจากประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนและทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่องกระทั่งทราบว่าคนร้าย คือ นายเมธาวี ธรรมฉันธะ และนางสาวชนิดา แฟนสาวนายเมธาวี และ น.ส.ธมลวรรณ พี่สาวนายเมธาวี เจ้าหน้าที่ชุดทำงานจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน โดยต่อมาชุดสืบสวนของ กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้ติดตามจับกุมนายเมธาวี และนางสาวชนิดา ได้ในพื้นที่ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 4 กันยายน และจับกุมนางสาวธมลวรรณ ได้ในพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กันยายน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต

              โดยในคดีนี้ ผู้ต้องหาได้ทำทีเป็นเช่ารถยนต์จากผู้เสียหายไปประมาณ 30 - 40 คัน แล้วนำไปขายหรือจำนำในราคาที่ต่ำ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายทราบก็พยายามติดตามรถคืน โดยติดตามรถคืนมาได้ทั้งสิ้นประมาณ 26 คัน ยังมีรถบางส่วนที่ยังไม่สามารถติดตามคืนมาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามเอารถยนต์ส่วนที่เหลือมาให้ได้มากที่สุดโดยเร็วที่สุด

 

 

 

              “คดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการที่จะประชาสัมพันธ์ วิธีการของคนร้ายอาศัยช่องว่างของการเช่ารถยนต์ซึ่งปล่อยเช่าอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อเช่ารถไปแล้วก็จะเอาไปขายหรือไปจำนำแล้วนำเอาเงินดังกล่าวมาจ่ายเป็นค่าเช่า โดยจะจ่ายเงินตรงเวลา ผู้ให้เช่าเกิดความเชื่อใจสร้างความน่าเชื่อถือ จึงเอารถหาให้เช่าอีก ขยายวงไป ลักษณะเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ บางครั้งเมื่อผู้เสียหายได้รถคืนก็ไม่ได้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ทำให้วงจรนี้ก็ยังมีอยู่วนไปเรื่อยๆ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถคลี่คลายได้โดยเร็วแล้ว อาจจะมีประชาชนหรือผู้ประกอบการรถเช่าได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมาก จึงฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูล หรือแจ้งความดำเนินคดี กับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้” พล.ต.ต.วิศาล กล่าว

              ด้าน พ.ต.ท.ประวิทย์ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยเพิ่มเติมว่า คดีประเภทนี้คือเช่ารถไปแล้วนำไปจำนำหรือขาย มีคู่กับเมืองท่องเที่ยวมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาเมื่อผู้เสียหายมาแจ้งความและมีการติดตามจนได้รถคืนก็เงียบไป ไม่ดำเนินคดี ฝ่ายมิจฉาชีพก็ได้ใจ กลับมาทำอีก ทำให้วงจรการกระทำความผิดก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม ในคดีนี้ความจริงมีคนรู้จักสอบถามเข้ามา โดยบอกว่ามีผู้เสียหายหลายคน ตนเองจึงให้รวมตัวเข้ามาทั้งหมด เพื่อดูว่าเป็นการยักยอก หรือลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย ก่อนพบว่ามีการวางแผนตั้งแต่ต้นเพื่อที่จะเอาทรัพย์สินไป ก็ได้เริ่มกดระบวนการสอบสวนจนพบว่ารถส่วนใหญ่ถูกเช่าไปโดยคนกลุ่มเดียวกัน ก็ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติต่อศาลเพื่อออกหมายจับ จึงมีการวางแผนติดตามคน และติดตามรถ ก่อนจะตัวผู้ต้องหา 2 ราย ที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และอีก 1 รายที จ.ภูเก็ต

 

 

 

              รวมถึงสามารถติดตามรถคืนมาได้จำนวนมาก ซึ่งจากที่พบบางรายซึ่งติดตามรถเองก่อนหน้าต้องนำเงินไปไถ่ถอนรถกลับมา จึงได้ให้แจ้งความดำเนินคดีไว้ด้วย เพื่อตัดวงจรการทำงานของกลุ่มผู้ก่อเหตุ อย่างไรก็ตามในส่วนของภูเก็ตนั้นเป็นต้นเหตุ ต้องจัดการปลายเหตุ คือกลุ่มรับซื้อรับจำนำด้วย ซึ่งทราบว่าบางส่วนมีการปลอมเอกสารรถไป ซึ่งจะต้องดูว่าเจตนารับเป็นอาชีพหรือรู้เห็นในการกระทำความผิดด้วยหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังเหลือรถที่ต้องเร่งติดตามคืนอีกประมาณ 20 กว่าคัน และจากการพูดคุยกับกลุ่มผู้เสียหาย พบว่ายังมีกลุ่มอื่นอีกที่ทำในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจะต้องทำการสืบสวนขยายผลต่อไป

              นางสาวนฤมล เขื่อนหมั้น จาก หจก.จีพี คาร์เรนท์ หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งถูกแกงค์ดังกล่าวหลอกเช่ารถไป 3 คัน และสามารถติดตามกลับคืนมาได้ทั้งหมดแล้ว เล่าว่า นายเมธาวี ผู้ก่อเหตุ ได้ติดต่อเข้ามาทางเพจของร้าน ว่าจะเช่ารถ 5 วัน จึงทำสัญญาปล่อยเช่า และนำรถไปส่งที่คอนโดฯ แห่งหนึ่ง เมื่อครบ 5 วันก็ขอต่อสัญญา โดยมีการจ่ายเงินตรงเวลา พอผ่านไปประมาณ 1 เดือน ก็ให้พี่สาวของนายเมธาวี (นางสาวชนิดา) มาเช่าต่อ โดยอ้างว่ารถส่วนตัวเข้าเครม ซ่อมแซม ตนเห็นว่าลูกค้ารายนี้มีการจ่ายเงินตรงเวลาจึงให้เช่าต่อ และนางสาวชนิดามีการเช่าเพิ่มอีกรวมเป็น 3 คัน โดยคันที่ 3 นั้นเริ่มผิดสังเกต นางสาวชนิดานัดรับรถที่ถนนบายพาส แต่ตัวนางสาวชนิดาเอารถคันอื่นมา ตนจึงถามว่ารถคันที่เช่าไปอยู่ไหน ซึ่งนางสาวชนิดาตอบว่าเอาให้น้องชาย (นายเมธาวี) พาไปปล่อยเช่าต่อ แต่ก็ยอมให้เช่า โดยพบข้อสังเกตเพิ่มคือเมื่อดูจากจีพีเอสของรถ พบว่า หลังส่งรถแล้ว รถไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน ยังจอดอยู่กับที่หลายชั่วโมงก่อนเคลื่อนรถไป พอครบกำหนดเช่าคันที่ 3 นางสาวชนิดาจะต่อระยะเวลาอีกแต่ตนเองรู้สึกผิดปกติจึงไม่ให้ต่อและให้ลูกน้องไปรับรถกลับทันที แต่ระหว่างนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โทรมาว่าได้ยึดรถไว้หลังจากเข้าทลายบ่อนพนัน และพบว่ามีการจำนำไว้ จึงโทรไปหานายเมธาวีเพื่อต่อว่า ซึ่งนายเมธาวีก็ยังรับโทรศัพท์เช่นเคย ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

 

              ขณะที่นางสาว ศิริวรรณ ผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า รู้จักกับนายเมธาวีจากที่โพสต์ข้อความลงเพจว่ามีรถให้เช่า นายเมธาวีจึงติดต่อมา แต่ขณะนั้นไม่มีรถให้จึงติดต่อพี่ที่รู้จักเพื่อหารถนำไปส่งให้ ก่อนที่ทั้งสองจะติดต่อกัน ซึ่งช่วงแรกเจ้าของรถที่รู้จักบอกว่า นายเมธาวีจ่ายค่าเช่าดีมาก กระทั่งผ่านมา 2 เดือน เจ้าของรถถามตนเองว่ามีรถอีกมั้ย เพราะนายเมธาวีต้องการรถอีก แต่ขณะนั้นตนเองเริ่มเอะใจเพราะว่ารถคันแรกที่เช่าไปนั้นถูกตัดสัญญาณจีพีเอส ก่อนจะกลับมามีสัญญาณอีกครั้ง ทำให้คิดว่าไม่มีอะไร จึงเอารถของตนให้เช่าไปอีก 1 คัน ซึ่งวันแรกที่เอาไปก็พบว่าถูกตัดสัญญาณทันที แต่เมื่อสอบถามไปยังนายเมธาวี ซึ่งรับสายโทรศัพท์ตลอดพร้อมระบุว่ารถยังอยู่ปกติ คนที่เช่าไปเป็นข้าราชการทหาร เช่าแล้วไม่ได้ใช้รถเพราะต้องเดินทางไป กทม. และจอดไว้ในค่ายทหารเป็นจุดที่ไม่มีสัญญาณ กระทั่งมาถึงจุดที่มีผู้เสียหายเริ่มมากขึ้นจึงพูดคุยกันก่อนเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ ซึ่งของตนเองนั้น สามารถติดตามกลับมาได้ 1 คัน ยังเหลืออีก ที่ยังต้อง 1 - 2 คัน ที่ต้องติดตาม

              อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงผู้ประกอบการและผู้ให้บริการรถเช่าต่างๆ ว่าถึงแม้อาชีพนี้จะมีรายได้ดีแต่ก็มีความเสี่ยงสูง อยากเตือนให้ระมัดระวังให้มาก เพราะมีมิจฉาชีพเข้ามาทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นไปได้อยากมีแอปพลิเคชันที่สามารถตรวจสอบประวัติลูกค้าก่อนให้เช่า

              ขณะที่นางสาว จงกล สีสม ผู้ประกอบการรถเช่า บริษัท Elephant Car rent ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกเช่ารถไป 9 คัน และสามารถติดตามกลับมาได้เพียง 2 คัน เล่าว่า ตนเองเปิดบริษัท ให้บริการรถเช่าอยู่ ก็มีนายเมธาวีติดต่อเข้ามา ว่ารถเสีย จะขอเช่ารถไปใช้งาน ตนจึงเอารถไปส่งให้ ซึ่งตอนแรกเช่า 7 วัน และต่อเวลาเรื่อยๆ ก่อนจะพูดคุยว่าทำบริษัททัวร์อยู่ที่ จ.ตรัง อยากจะได้รถไปบริการลูกค้า ตนเองเห็นว่าเป็นอาชีพเดียวกัน จึงยอมทำสัญญาและเอารถไป โดยช่วงแรกนำรถมาคืนตามสัญญา แต่ผ่านมาช่วงหลังเมื่อครบสัญญาเริ่มไม่เอารถกลับมาคืน และเริ่มไม่จ่ายเงินจึงเริ่มสงสัย และปรึกษากันในกลุ่มรถเช่าจนพบว่ามีปัญหาเดียวกัน จึงตัดสินใจเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในตอนแรกมีผู้เสียหายทั้งหมด 8 คน จำนวนรถ 37 คัน ช่วงแรกได้พยายามติดตามรถกันเองจากสัญญาณจีพีเอส ก็ได้คืนมาเกือบ 20 คัน ส่วนใหญ่ไปพบที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้ติดตามจีพีเอสจนพบว่าอยู่ที่ จ.พัทลุง อีก 2 คัน ส่วนที่เหลือมีการตัดสัญญาณจีพีเอสไปหมดแล้ว และไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งตนเองคิดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะนำรถไปจำนำและปล่อยให้ขาดไม่ไถ่ถอน

 

 

 

              "อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้ผู้ประกอบการรถเช่าระมัดระวัง เพราะขณะนี้จากข้อมูลพบว่ามีอีกหลายแก๊งไม่ใช่แค่แก๊งของนายเมธาวีแก๊งเดียว จากข้อมูลพบว่าที่ จ.กระบี่ ก็มี และมีหลายรายที่โดนในลักษณะเดียวกัน และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นนับว่าเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ให้กับตน ซึ่งปกติทางบริษัทจะไม่ปล่อยรถเช่าให้กับคนไทย นี่เป็นครั้งแรกและก็โดนขนาดนี้ ไม่คิดว่าคนไทยจะทำกันได้" นางสาวจงกล กล่าว

 

 

 

รวบแก๊งหลอกเช่ารถ 40 คันขาย - จำนำ

 

 

 

รวบแก๊งหลอกเช่ารถ 40 คันขาย - จำนำ

 

 

 

รวบแก๊งหลอกเช่ารถ 40 คันขาย - จำนำ

 

 

 

รวบแก๊งหลอกเช่ารถ 40 คันขาย - จำนำ

 

 

 

รวบแก๊งหลอกเช่ารถ 40 คันขาย - จำนำ

 

 

 

รวบแก๊งหลอกเช่ารถ 40 คันขาย - จำนำ

 

 

 

รวบแก๊งหลอกเช่ารถ 40 คันขาย - จำนำ

 

 

 

รวบแก๊งหลอกเช่ารถ 40 คันขาย - จำนำ

 

 

 

--------------------

ณัฐวุฒิ ละออสุวรรณ จ.ภูเก็ต

 

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- (คลิป) ส.ส. ภูเก็ต พปชร. ป้องพรรคไม่เกี่ยว สิระ

- เปิด 6 ประเด็นรุกเขาภูเก็ต เจ้าหน้าที่รัฐจับมือนายทุนงาบ

- ส.ส. ภูเก็ต พปชร. ไม่ก้าวล่วงสอบคอนโดฯ กะรน

- หนุ่มเดินแก้ผ้าร้องเพลงกลางเมืองภูเก็ต

- เกรท วรินทร เผยเหตุผลไม่ลงรูปทริปภูเก็ต

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ