คืบหน้าปล้นร้านทอง อ.นาทวี ตร.รู้ตัวกลุ่มก่อเหตุแล้วรอหลักฐานชัด แฉทำงานเป็นทีมร่วม 20 คน ผลตรวจปลอกกระสุนตรงกับเหตุพื้นที่ อ.เทพา เมื่อปี61 คาดเป็นกลุ่มเจะอารง
ความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกปล้นร้านทอง “ห้างทองสุธาดา” กลางตลาดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากวาดทองรูปพรรณน้ำหนัก 3,300 บาท มูลค่ากว่า 85 ล้านบาท พร้อมเครื่องเพชรและทองแท่งอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคดีนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งหาเบาะแสกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุซึ่งมีประมาณ 17-20 คน และเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ล่าสุดวันนี้(26 ส.ค.62) พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายคดีนี้ ทั้งไปตรวจจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าร้านทองเพื่อรับทราบเหตุการณ์และร่วมประชุมสรุปความคืบหน้าคดีที่ สภ.นาทวี ร่วมกับ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ดำรัส วิริยะกุล รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ปรีดา เปี่ยมวารี ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.เอกรัฐ สวนเสน ผกก.สภ.นาทวี
พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังการประชุมเพียงสั้นๆว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก ทั้งการตรวจกล้องวงจรปิด และรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับคนร้าย ซึ่งผลการสืบสวนเป็นที่น่าพอใจ
ด้าน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 เปิดถึงความคืบหน้าการสอบสวนว่า ในทางการเจ้าหน้าที่จะเก็บรายละเอียดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเชื่อมโยงกับเหตุที่ร้านทองร้านนี้เคยถูกปล้นเมื่อปี 48 แต่ยังบอกไม่ได้ว่าคนร้ายได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ ส่วนที่ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะเหตุปล้นในครั้งนี้แผนประทุษกรรมก็เหมือนกัน ซึ่งครั้งนั้นก็เชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบ ขณะนี้พอทราบแล้วว่าเป็นกลุ่มไหน รอเพียงหลักฐานที่ลงลึกในรายละเอียดให้มากกว่านี้ก็จะชี้ชัดได้ว่าเป็นใคร และใครเป็นคนวางแผน ส่วนเป้าหมายของการปล้นมาจากกลุ่มก่อความไม่สงบต้องการเงิน ซึ่งก็เคยก่อเหตุวางระเบิดตู้เอทีเอ็มหลายครั้งนั้นไม่แน่ใจแต่ขัดกับแนวทางของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ส่วนความคืบหน้าในทางการสอบสวนมีรายงานว่า การสอบพยานแวดล้อมไปแล้ว 11 ปาก และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุพบว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 5 กระบอก
นอกจากนี้ผลการตรวจสอบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ที่คนร้ายยิงขู่ชาวบ้านขณะชิงรถจักรยานยนต์หลบหนีในพื้นที่บ้านพอบิดใต้ หมู่ 4 ต.ท่าประดู่ อ.นาทวี หลังนำรถตู้ไปจอดทิ้งไว้พบว่าเคยใช้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ต.ห้วยปลิง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อปี 61 จึงเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นร้านทองเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.ปัตตานี กับอำเภอชายแดนสงขลา
ทั้งนี้ในแนวทางการสืบสวนเป็นได้สูงว่าการปล้นร้านทองครั้งนี้ เป็นฝีมือกลุ่มของนายเจะอารง บาเฮง อายุ 39 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่หมู่ 12 ต.นาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา ซึ่งเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในระดับปฏิบัติการ รับผิดชอบเคลื่อนไหวในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา โดยเฉพาะ อ.นาทวี และเป็นระดับมือยิง มีหมายจับติดตัวของ สภ.สะบ้าย้อย 1 หมายจับ รวม 8 ข้อหา เช่น ร่วมกันก่อการร้ายฯ ร่วมกันมีระเบิดไว้ในครอบครองฯ ร่วมกันทำให้เกิดระเบิด
เหตุผลที่เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มของเจะอารง เพราะเหตุปล้นร้านทองในครั้งนี้รูปแบบเหมือนกับการปล้นเต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ใน อ.นาทวี เมื่อปี 60 ทั้งการปล้นรถมาก่อเหตุ ลักษณะการลงมือที่ทำกันเป็นทีมซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกัน และครั้งนั้นในทางการสืบสวนพบว่า นายเจะอารง มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมวางแผนด้วย
ส่วนเป้าหมายของการปล้นจะเป็นการสร้างสถานการณ์โดยตรงของกลุ่มก่อความไม่สงบหรือเพียงแค่รับงานมานั้นเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน เพราะยังพบข้อพิรุธของคนร้ายหลายอย่างในการปล้นร้านทองครั้งนี้ ส่วนเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการข้ามพรมแดนไปยังประเทศมาเลเซียพร้อมกับทองที่ขโมยไปเพราะแค่ขโมยรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านขับหลบหนีซึ่งน่าจะไปไม่ไกลและพื้นที่เกิดเหตุก็อยู่ใกล้กับชายแดนไทยมาเลเซีย
ด้านนายสมัคร อนุจร อายุ 56 ปี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้เพราะแม้ว่าคนร้ายจะถอดปลั๊กและขโมยกล้องไปแต่ก็เอาไปผิดตัว
นายสมัคร เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในร้านอยู่อีกสาขาหนึ่ง ในร้านมีเพียงผู้หญิง 4 คน ส่วนคนร้ายมากัน 14 คน พร้อมอาวุธครบมือ เป้าหมายคือปล้นทอง และน่าจะมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี และน่าจะมีคนคอยชี้เป้า และขณะเกิดเหตุหากคนในร้านขัดขืนก็อาจจะถูกยิงด้วย
โดยร้านทองของตนสาขานี้เมื่อปี 2548 ก็เคยถูกคนร้ายบุกปล้นมาแล้วครั้งหนึ่งและได้ทองไปจำนวนมากเช่นกันและคดียังไม่สิ้นสุด ครั้งนี้สามารถจับกุมคนร้ายได้ 3 คน มอบตัว 1 คน และยังหลบหนีอีก 1 คน และครั้งนั้นมีลูกจ้างในร้านร่วมด้วย และคนร้ายก็มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การปล้นครั้งนี้เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะมากันถึง 14 คน และอาวุธครบมือ และอาจเป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนในซึ่งเป็นอดีตลูกจ้างโดยเฉพาะที่เคยเกี่ยวข้องกับคดีปล้นครั้งเก่าร่วมด้วย
นายสมัคร กล่าวว่า แม้จะเคยถูกปล้นมาแล้วถึง 2 ครั้ง และครั้งนี้คนร้ายได้ทองคำไปเกลี้ยงร้าน มูลค่าประมาณ 85 ล้านบาท และทางร้านก็ไม่ได้ทำประกันเอาไว้ ทุกอย่างหมดไม่มีเหลือ แต่ตนก็จะสู้ต่อ โดยหลังจากนี้จะเร่งซ่อมแซมร้านที่ถูกคนร้ายทุบกระจกพังหมดและกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ เพราะยังมีลูกค้าที่ไว้ใจและมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป
--------------------------
(ข่าวภาพ นภาลัย ชูศรี)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง