ข่าว

รองผู้กำกับ ยศ"พ.ต.ท." มอบตัวแล้วหลังพัวพันคดีอุ้มนักธุรกิจไต้หวันเรียกค่าไถ่ 90 ล้าน 

รองผู้กำกับ ยศ"พ.ต.ท." มอบตัวแล้วหลังพัวพันคดีอุ้มนักธุรกิจไต้หวันเรียกค่าไถ่ 90 ล้าน 

17 พ.ค. 2564

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งย้าย นายตำรวจระดับรองผู้กำกับ ยศ พ.ต.ท. หลังพัวพันคดีอุ้มนักธุรกิจชาวไต้หวันเรีนกค่าไถ่ 90 ล้าน ด้านเจ้าตัวดอดมอบตัว ยืนกรานปฏิเสธทุกข้อหา 

     จากกรณีตำรวจกองปราบรามเข้าจับกุม 2 ผู้ต้องหาสัญชาติอเมริกัน และ 1 คนไทย ที่ร่วมกันก่อเหตุอุ้มนักธุรกิจไต้หวัน เรียกค่าไถ่จำนวน 90 ล้านบาท ปมเหตุเกิดจากการขัดแย้งทางธุรกิจ   

ข่าวที่เกี่ยวข้อง เปิดโปงแผนอุ้มนักธุรกิจไต้หวัน โยงอดีตตำรวจสันติบาลมีชื่อเอี่ยว 

 

  

     ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาบ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีอุ้มนักธุรกิจไต้หวัน ว่า มีตำรวจ ยศ พ.ต.ท. ตำแหน่งรองผกก.สังกัด บก.จร. เข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์อุ้ม นั้น หลังจากต้นสังกัดทราบเรื่องก่อนหน้านี้ได้มีคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ศปก.บก.จร.

     "และถูกแจ้งข้อหาร่วมกันเรียกค่าไถ่ , พยายามฆ่า ,อั้งยี่เป็นข้อหาเดียวกับ 3 คนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ โดยพบว่ารอง ผกก.คนดังกล่าวเป็นบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย" พล.ต.ท.ภัคพงศ์  กล่าว

     พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.ท. รายนี้ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อแล้ว เบื้องต้นให้การปฏิเสธ โดยรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนคดี 

     สำหรับคดีอุ้มนักธุรกิจไต้หวันนี้ทางกลุ่มผู้ต้องหาและกลุ่มผู้เสียหายรู้จักกันมาก่อน และมีความขัดแย้งทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามตำรวจได้ออกหมายจับตามตัวบุคคลทั้งสิ้น 6 ราย จับกุมและมอบตัวแล้ว 4 ราย เหลือ 2 ราย เป็นชาวต่างชาติทั้งคู่อยู่ระหว่างการติดตามตัว

     เชื่อว่ายังอยู่ในประเทศไทย นอกจากนี้หากพบว่ามีใครที่เกี่ยวข้องอีกก็จะพิจารณารวบรวมพยานหลักฐายเพื่อขอหมายจับเพิ่มเติม 

     ส่วนเรื่องการจับกุมชาวต่างชาติที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ทางตำรวจมีขั้นตอนการปฏิบัติอยู่แล้ว

     โดยจะแจ้งให้สถานทูตรับทราบว่ามีบุคคลกระทำความผิดภายในประเทศก่อนทำการจับกุม 

     ทั้งนี้แม้ผู้ต้องหาทั้งสี่รายจะให้การปฏิเสธ แต่ทางตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนเนื่องจากเป็นคดีที่อุกอาจ ก่อเหตุในเวลากลางวัน

     นอกจากนี้ชาวต่างชาติที่ถูกจับก็มีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งเกรงว่าจะหลบหนี และจะติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป