เปิดโปงแผนอุ้มนักธุรกิจไต้หวัน โยงอดีตตำรวจสันติบาลมีชื่อเอี่ยว 

     ค่ำวานนี้ กองบังคับการปราบปราม เปิดแถลงข่าวด่วน นานแล้วไม่ค่อยได้เห็นการแถลงข่าวของตำรวจในช่วงเวลาแบบนี้ หากไม่ใช่เรื่องบิ๊กจริง 

     ณ ห้องแถลงข่าว พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง "อดีตผู้การกองปราบ" ร่วมแถลงข่าวด้วย โดยมี พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม ขนาบข้างด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการกองปราบ และ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ กองกำกับการ 3 กองปราบ สองนักสืบมือดี 

     เปิดฉากคดีนี้ เป็นการจับ 3 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย นายเจเรมี่ แมนเชสเตอร์ , นายลูอิส ซิสกิน ทั้งคู่สัญชาติอเมริกัน และ นายเอกบดินทร์ ประสิทธิ์นฤทธิ์ คนไทย ทั้ง

     ทั้งหมดถูกจับในข้อหา "เรียกค่าไถ่ , พยายามฆ่า , อั้งยี่ , ซ่องโจร , กักขัง ,หน่วงเหนี่ยว" ทั้งหมดร่วมกันก่อเหตุอุ้มนักธุรกิจชาวไต้หวัน เรียกเงินประมาณ 3 ล้านยูเอส หรือ กว่า 93 ล้านบาท     

    

 

     ปฐมเหตุการอุ้มนักธุรกิจชาวไต้หวันครั้งนี้เกิดจากความขัดแย้งทางธุรกิจ เมื่อปลายปี 2563 นายลูอิส ผู้ต้องหา ได้ติดต่อขอซื้อถุงมือไนไตร์ท กับ บ.แพดดี้เดอะรูมฯ ซึ่งแต่งตั้งให้ บ.คอลเลกชั่นฯ ของ นางเอมิลี่ เป็นผู้เป็นคนเจรจาธุรกิจ 

     แต่ปรากฎว่าการทำธุรกิจเกิดความขัดแย้งกัน จน นายลูอิส ได้รับความเสียหายกว่า 93 ล้านบาท ประกอบกับ นายเวน ยู ชุง นักธุรกิจชาวไต้หวัน ผู้เสียหาย หนึ่งในตัวแทนบริษัทของนางเอมิลี่ พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย จึงว่าจ้างให้ นายไมเคิล ชาวอิสราเอล ซึ่งเปิด บ.นักสืบเอกชนในประเทศไทย มานานนับปีตั้งแต่ปี 2563 ให้ช่วยติดตามทรัพย์สินคืนจากคู่กรณี

     นายไมเคิลและพวกซึ่งมีทั้งคนต่างชาติและคนไทย จึงวางแผนติดต่อกับนายเวน ยู ชุง ทำทีซื้อถุงมือยาง ก่อนนัดหมายมาพบเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.

     กระทั่งเมื่อพบเจอผู้เสียหายกำลังนั่งสั่งอาหารรับประทานจึงเข้าจู่โจมปฏิบัติการอุ้มนักธุรกิจไต้หวันจับตัวล็อกคอใส่กุญแจมือ แล้วพาออกจากร้านอาหารไปยัง ห้องพักรายวันแห่งหนึ่งอยู่ห่างประมาณ 200 เมตร 

     โดยภายในห้องพักดังกล่าวมีผู้ร่วมก่อเหตุอีกกลุ่มหนึ่งรออยู่ในห้องพัก จากนั้นจึงลงมือทำร้ายร่างกาย ก่อนจะใช้โทรศัพท์ของผู้เสียหายโทรติดต่อไปหา นางเอมิลี่ เจ้านายของผู้เสียหาย เพื่อข่มขู่เรียกเงินจำนวน 2 ล้านยูเอส และ โทรศัพท์ไปข่มขู่เรียกเงินจากญาติของผู้เสียหายอีก 1 ล้านยูเอส รวมประมาณ 90 ล้านบาท 

     แต่ นางเอมิลี่ และ ญาติของผู้เสียหายไม่ยินยอม จึงขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตและตำรวจ ต่อมาพอผู้ต้องหาเห็นท่าไม่ดีจึงพาผู้เสียหาออกจากห้องเช่า เดินทางไปที่ร้านอาหารแห่งที่สอง เพื่อไปพูดคุยกับ นายลูอิส โดยมี อดีตนายตำรวจสันติบาล คนหนึ่งนั่งอยู่ในรถเก๋งที่จอดอยู่ข้างร้านอาหาร ก่อนจะพาขึ้นรถขับออกไปที่ สน.ทองหล่อ 

     เมื่อไปถึง สน.ทองหล่อ กลุ่มผู้ต้องหา รวมถึง อดีตตำรวจสันติบาล คนดังกล่าว ก็ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ แต่ทางแต่ผู้เสียหายไม่ยอมลงชื่อ กลุ่มผู้ต้องหาจึงยอมปล่อยผู้เสียหายแล้วเดินออกไป 

     ส่วนผู้เสียหายหลังจากเป็นอิสระจึงเข้ารักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่ง ก่อนกลับเข้ามาแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ อีกครั้ง จนมีการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดรวม 8 คน เป็นต่างชาติ 7 คน ไทย 1 คน 

     ซึ่งต่อมาเจ้าหน้ากองปราบชุดหนุมานได้นำกำลังไปจับกุมตัวทั้ง 3 คน หลังสืบทราบว่าได้หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ กทม. จึงนำกำลังเข้าติดตามจับกุมตัว 

     แต่อย่างไรก็ตามขณะแถลงข่าวที่กองปราบ ปรากฎว่า นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ได้เข้ามาต่อว่าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ถึงกรณีที่มีการพาดพิงว่ามีอดีตนายตำรวจสันติบาลเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว 

     นายวันธนะ ยังตำหนิเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมอีกว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีละเอียดอ่อน ผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ พร้อมกับยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ตนเองเป็นตำรวจกองปราบเก่าเช่นกันรู้ว่าการทำงานของตำรวจเป็นเช่นไร 

     สำหรับผู้ต้องหาชาวอเมริกันทั้งสองนั้น พบข้อมูลเคยเป็นอดีตทหารนาวิกโยธินปนะเทศสหรัฐอเมริกามาก่อน เคยผ่านการรบสงครามอ่าวเปอร์เซีย จึงชำนาญเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ แต่เนื่องจากรายได้ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ จึงลาออกมาเป็นทหารรับจ้าง ก่อนจะมาทำงานให้กับบริษัทรับจ้างทวงหนี้ของนายไมเคิล