ข่าว

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายชิงทองแล้วคาดมีความชำนาญอำพรางตัว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายชิงทองแล้ว รอความชัดเจนอีก 2 วันคาดมีความชำนาญอำพรางตัว เร่งขยายผลตรวจสอบหาผู้ครอบครองรถจยย.คันที่ก่อเหตุ หลังพบจอดทิ้งไว้ย่านเสนานิคมกลางดึกที่ผ่านมา

ที่สน.โชคชัย วันที่ 28 กันยายน 2563  ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายใส่วิกผมยาว  จี้ชิงทรัพย์ร้านทอง ภายในห้างสรรพสินค้าย่านลาดพร้าว-วังหิน  ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปช่วงสายวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา

 

ล่าสุด ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพนักงานของร้านทองเยาวราชกรุงเทพฯ พบว่าคนร้ายได้จี้ชิงทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 216 บาท มูลค่าประมาณ 6.1 ล้านบาท ซึ่งทางร้านทองได้มีการทำประกันไว้ ส่วนแนวทางการสืบสวนติดตามตัวคนร้ายหลังก่อเหตุจนถึงขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว  โดยช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามตัวคนร้ายที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 โดยมี พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย เป็นประธานในการประชุม และใช้วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับศปก.ตร.  ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายชิงทองแล้วคาดมีความชำนาญอำพรางตัว

 

 

ต่อมาเวลา 10.00 น. ทางพล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เดินทางมาที่สน.โชคชัย พร้อมเปิดเผยว่า  สำหรับคดีนี้ พอจะทราบเบาะแสของคนร้ายแล้ว คาดว่า 2 วันจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ตรวจยึดได้กลางดึกที่ผ่านมาอยู่ระหว่างตรวจสอบหาผู้ครอบครอง  เบื้องต้นได้เก็บรายละเอียดทางวิทยาศาสตร์และทางเทคนิคไว้


สำหรับมาตรการในการป้องกันเหตุถ้าร้านทองที่ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สน. ก็จะจัดกำลังออกตรวจ ปฏิบัติหน้าที่เป็นประจำ หรือเป็นช่วงๆ ไป เพราะกำลังตำรวจจะต้องดูแลทั้งเรื่องการจราจร งานสืบสวน ฯลฯ ในคดีนี้เจ้าหน้าที่พยายามจับกุมคนร้ายให้ได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ร้านทองจะมีประกันภัยต่างๆ แต่เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ในการสืบสวนติดตามคดีอาญาสำคัญจะพยายามสืบสวนติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว


จากการตรวจสอบเส้นทางหลบหนีของคนร้าย พบว่าหลังจากก่อเหตุได้วิ่งออกมาจากห้างก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นทีทีเอ็ก ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สีดำ โดยใช้เส้นทางสะพานข้ามคลองลาดพร้าว ซอยรัชดาภิเษก 36 หรือ ซอยเสือใหญ่อุทิศ ที่มีซอยแยกย่อยจำนวนมาก และ สามารถทะลุไปได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนรัชดาภิเษก เสนานิคม และถนนลาดพร้าว  ซึ่งตำรวจตรวจสอบข้อมูลพบว่า คนร้ายได้ขับรถหลบหนีไปทาง ถนนเลียบคลองลาดพร้าว และไปพบรถจักรยานยนต์ ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ถูกนำมาจอดทิ้งไว้ที่อพาร์ทเม้นท์ แห่งหนึ่งภาย ซอยเสนานิคม 1 ห่างจากจุดที่ก่อเหตุ ประมาณ 2-3 กม. ตำรวจ ได้ยึดรถจักรยานยนต์ของกลางมาไว้ตรวจสอบที่ สน.โชคชัย จากนั้นคนร้ายได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ถอดวิกผม รองเท้า ก่อนจะเรียกแท็กซี่ ไปที่ห้างสรรพสินค้าย่านลาดพร้าว 

อย่างไรก็ตาม  จากการตรวจสอบทะเบียนรถ เบื้องต้น ทราบชื่อผู้ครอบครองรถ เป็นผู้หญิงซึ่งจะต้องทำการสืบสวนขยายผลว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้ายรายนี้หรือไม่อย่างไร สำหรับคนร้ายรายนี้น่าจะมีความเชี่ยวชาญในการอำพรางตัว เพราะดูจากลักษณะพฤติกรรม มีการเตรียมตัว โดยเฉพาะ เรื่องของการ พ่นสี ทับเลขตัวถัง รถจักรยานยนต์รวมทั้งมีการป้องกันไม่ให้มีร่องรอยลายนิ้วมือบนตัวรถ


ด้านบรรยากาศภายในห้างฯดังกล่าว พบว่า ตั้งแต่เปิดห้างในช่วงเช้า พบว่าบริเวณโซนร้านทอง ประมาณ 8 ร้านค้า จะถูกกันปิดพื้นที่ไม่ให้บริการกับลูกค้า รวมทั้งปิดประตูทางเข้า-ออก ของห้างที่ติดกับร้านทอง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือ ในเรื่องของการเก็บรวมรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม


ขณะที่เจ้าหน้าที่ห้าง(ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) ระบุว่า จุดที่คนร้ายนำรถจักรยานยนต์มาจอดก่อนลงมือก่อเหตุ  ไม่ใช่เป็นที่จอดรถจักรยานยนต์ของลูกค้าแต่อย่างใด  เชื่อว่าคนร้ายฉวยโอกาสนำรถมาจอด เพราะง่ายต่อการหลบหนีไปตามเส้นทางต่าง ๆ 
   

สำหรับห้างสรรพสินค้า สาขาวังหิน  ก่อนหน้านี้มีเหตุคนร้ายใช้ปืนชิงทองมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นที่ร้านห้างทองเยาวราชเอเชีย สาขาเจซี เป็นอาคารแถวชั้นเดียว อยู่บริเวณลานจอดรถหน้าห้างเทสโก้โลตัสเหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 20 ตุลาคม 2562 โดยนายวุฒินันท์ สันติกุลสุข อายุ 22 ปี ทำทีขอถ่ายภาพสร้อยทองน้ำหนัก 5 บาท 1 เส้น ส่งให้เพื่อนดูผ่านไลน์ ก่อนจะกำสร้อยทองวิ่งหนี แต่วิ่งชนประตูที่ปิดอัตโนมัติก่อนหันมาบอกว่า “ล้อเล่น” แต่สุดท้ายกลับก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำไป 24 บาท มูลค่าประมาณ 500,000 บาท และทำท่าชักอาวุธที่เอวทำให้พนักงานกลัวกดสวิตช์เปิดประตูให้ก่อนหลบหนีไป จากนั้นได้เข้ามอบตัวพร้อมนำของกลางมาคืนทั้งหมด โดยสารภาพมีหนี้สินจากการเล่นพนัน
        

ครั้งที่สอง ค่ำวันที่ 17 ธันวาคม 2562นายนิพัฒน์ ใจชอบสันเที๊ยะ อายุ 31 ปีคนร้ายใช้ปืนยิงกระจกหน้าร้านก่อนเข้าไปชิงทองประมาณ 40 เส้น น้ำหนักกว่า 120 บาท มูลค่ากว่า 2.4 ล้านบาท จากนั้นขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยชุดสืบสวนตามแกะรอยจนพบข้ามไปเล่นกาสิโนฝั่งเมียนมา บุกรวบตัวได้ที่จุดท่าข้ามไปฝั่งเมียนมา บริเวณบ้านท่าอาจ จังหวัดตาก พร้อมยึดของกลางคืนคืนได้ ประมาณ 80 บาท สารภาพติดหนี้พนัน และที่เลือกลงมือชิงทองสาขานี้ เพราะมีเส้นทางหลบหนีสะดวก

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ