ข่าว

เปิดปมคลั่ง "บ้านจัดสรรทหาร"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดปมคลั่งมูลเหตุกราดยิงที่โคราช "บ้านจัดสรรทหาร"

 

               เปิดปมจ.ส.อ.คลั่งกราดยิงที่โคราช พบทำสัญญากู้เงินซื้อบ้านพร้อมที่ดินกับ กอท.สก.ทบ. 3 งวด รับเงินกู้งวดสุดท้ายเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว แต่เกิดปมขัดแย้งค่านายหน้า 5 หมื่น ด้านกลุ่มธรรมาภิบาลนครราชสีมา จี้กองทัพสอบโครงการบ้านจัดสรรทหาร เชื่อมีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ซื้อถูกมาขายแพงให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เชื่อชนวนเหตุสะเทือนขวัญ 30 ศพ ด้านเมีย พ.อ.ยัน “แม่-สามี” ไม่เกี่ยวเงินส่วนต่าง

 

อ่านข่าว หนุ่มเล่าประสบการณ์หนีตายเหตุกราดยิงโคราช ซูฮก จนท.อรินทราช

 

               กรณีที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ก่อเหตุยิงนายหน้าที่เบี้ยวเงิน 5 หมื่น และกราดยิงประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตรวม 30 ราย ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีข้อเท็จจริงหลายประการที่อาจเป็นเงื่อนปมทำให้ จ.ส.อ.จักรพันธ์ เกิดความแค้นและเครียดจนก่อเหตุสะเทือนขวัญ 

 

               “คมชัดลึก” ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ ได้กู้เงินเพื่อการเคหะสงเคราะห์เพื่อซื้อบ้านพร้อมที่ดิน โดยทำสัญญากู้เงินกับ กอท.สก.ทบ. (กองการออมทรัพย์ กรมสวัสดิการทหารบก) 3 งวด งวดละ 375,000 บาท โดยได้รับเงินกู้งวดสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าบ้านเนื่องจากการก่อสร้างเสร็จแล้ว

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าบ้านจัดสรรที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ซื้อตั้งอยู่ที่เลขที่ 321/9 หมู่ 5 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดย จ.ส.อ.จักรพันธ์ ได้เช่ามิเตอร์จากการไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อยพร้อมเข้าอยู่ แต่กลับมีข่าวเรื่องการขัดแย้งค่านายหน้าจำนวน 50,000 บาท เรื่องนี้ทำให้เกิดความสลับซับซ้อนมากขึ้น

 

               มีข่าวจากกลุ่มธรรมาภิบาล จ.นครราชสีมา ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า การซื้อขายที่ดินเพื่อสร้างบ้านจัดสรรของทหารในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน จากการตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่พบว่าเกี่ยวข้องกับนายทหารระดับสูงและเครือญาติ โดยมีการทำโครงประเภทนี้นานกว่า 20 ปี สร้างความร่ำรวยให้ผู้บังคับบัญชา ซื้อถูกมาขายแพงให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นต้น 

 

               สุดท้ายกลุ่มธรรมาภิบาลได้เรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาสนใจปัญหานี้ เพราะอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

 

               นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ นักวิชาการอิสระและอดีตเลขาธิการหอการค้าภาคอีสาน กล่าวว่า ปัญหานายหน้าซื้อขายที่ดินบ้านจัดสรรทหารในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องรีบเร่งแก้ไขปัญหา ควรศึกษาสาเหตุว่าผู้ก่อเหตุลงมือเพราะอะไรจะได้ป้องกันได้ในอนาคต ขณะที่กองทัพควรจะต้องตั้งกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้โดยด่วน เพราะเป็นภาพลบต่อกองทัพบกอย่างมาก อย่ามองข้ามเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยในอนาคต

 

               “จากที่ทราบข่าวตรวจสอบเบื้องต้นสาเหตุที่นำไปสู่การก่อเหตุรุนแรง คือการเอาเปรียบทหารชั้นผู้น้อย ทราบว่าทหารที่ก่อเหตุได้ร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานให้ช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าจนกระทั่งก่อเหตุ จึงต้องการให้กองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาสาเหตุข้อเท็จจริงในการก่อเหตุ นำมาถอดบทเรียน พร้อมปรับเปลี่ยนและชี้แจงให้สังคมเข้าใจเพื่อไม่ให้มีการก่อเหตุซ้ำ สร้างขวัญกำลังใจและความมั่นใจให้ประชาชน” นายทวิสันต์ กล่าว และว่า 

 

               เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชนที่อยู่ในเขตเมือง รวมทั้งประชาชนที่ติดตามข่าว หลังเกิดเหตุมีความเห็นว่าจะส่งผลกระทบทั้งในระยะสั้นและระยะยาว คือในระยะสั้นจะส่งผลกระทบ 2 ด้านคือทางเศรษฐกิจและสังคม ส่วนในระยะยาวมีความกังวลใจเรื่องการเข้ามาลงทุนของต่างชาติที่ไม่มั่นใจในความปลอดภัย

 

               “หลังเกิดเหตุต้องยอมรับว่าห้างสรรพสินค้าได้รับความเสียหาย รวมทั้งความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้า ผู้ประกอบการในห้างจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าทางห้างเสียหายไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ส่วนปัญหาระยะยาวเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อการค้าการลงทุนของต่างชาติเนื่องจากไม่มีความปลอดภัยในพื้นที่ จึงขอเรียกร้องให้กองทัพตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงถึงมูลเหตุของการก่อเหตุ” นายทวิสันต์กล่าว

 

               ด้านนางพรลภัทร มิตรจันทร์ ภรรยา พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ และเป็นลูกสาวของนางอนงค์ ผู้เสียชีวิตทั้งสองราย เปิดเผยว่า ปมเหตุทั้งหมดเกิดจากเรื่องเงินโครงการจัดสรรที่ดินที่นางอนงค์ แม่ของตนมีหน้าที่ดำเนินเรื่องเอกสารให้แก่บรรดากำลังบุคคลทหาร โดย จ.ส.อ.จักรพันธ์ ผู้ก่อเหตุ ได้ซื้อบ้านในโครงการสวัสดิการทหาร จำนวน 1,500,000 บาท และให้แม่เป็นคนดำเนินการเรื่องเอกสารและการจัดตกแต่งภายในบ้านให้ กระทั่งมีเงินส่วนเกินที่เหลือจำนวน 50,000 บาท แม่ของตนจึงส่งมอบเงินส่วนนี้ให้แก่นายพิทยา ซึ่งเป็นนายหน้า และเเม่ก็เพิ่งมารู้ไม่กี่วันว่าไปค้างเงินส่วนเกินนายจักรพันธ์ จำนวน 50,000 บาทนี้

 

               ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 16.00 น. ตนกับสามีและนางอนงค์ได้ไปพูดคุยกับ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถึงปมเงิน 50,000 บาท ระหว่างที่สนทนากัน แม่ได้สอบถามว่านายพิทยา ที่เป็นนายหน้ายังค้างเงินอยู่เท่าไหร่ ซึ่งได้คำตอบว่ายังค้างอยู่อีก 50,000 บาท หลังสอบถามเพิ่มจึงทราบว่านายพิทยาเอาเงินไปเที่ยวกลางคืนและดื่มเหล้า ซึ่งเงินส่วนที่นายพิทยาเอาไปเลี้ยง จ.ส.อ.จักรพันธ์ ก็เป็นเงินส่วนเกิน 50,000 บาทของจ.ส.อ.จักรพันธ์ 

 

               ด้วยความสงสารแม่บอก จ.ส.อ.จักรพันธ์ ว่าจะหาเงิน 50,000 บาทมาให้ก่อนและจะไปทวงเงินกับนายพิทยาทีหลัง แต่จะต้องให้นายพิทยามาเซ็นสัญญารับสภาพหนี้กับแม่ ส่วนสามีมาในฐานะพยานในการตกลงเนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาของจ.ส.อ.จักรพันธ์ ยืนยันว่าแม่และสามีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงิน 50,000 บาท และที่ผ่านมาสามีไม่เคยกดขี่ข่มเหง จ.ส.อ.จักรพันธ์ แม้แต่น้อย

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ