ข่าว

“สมยศ”ยอมรับยืม300ล้านคืนกำพลแล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“บิ๊กอ๊อด”รับเคยยืมเงิน300ล้าน“เสี่ยกำพล”เจ้าของวิคตอเรียแต่โอนคืนไปแล้วยันเคยชี้แจงป.ป.ช.ด้วย

 
          ความคืบหน้ากรณีดีเอสไอสนธิกำลังกับหลายหน่วยงานเข้าตรวจค้นสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ท ในซอยศูนย์วิจัย 4 ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. หลังพบข้อมูลเด็กสาวต่างด้าวถูกบังคับให้ค้าประเวณีที่สถานบริการแห่งนี้ พร้อมทั้งนำตัวหญิงสาวหลายสัญชาติทั้งไทย พม่า ลาว กัมพูชา รวม 113 คนไปคัดแยกสัญชาติและตรวจสอบหาอายุจากมวลกระดูก โดยมีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องไป 8 ราย พร้อมทั้งติดตามตัวและอายัดทรัพย์สินของนายกำพล และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ ที่มีข่าวว่าเป็นเจ้าของวิคตอเรีย ไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท และข้อมูลจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบมีการโอนเงินจำนวนกว่า 300 ล้านบาท ไปยังอดีต ผบ.ตร.ท่านหนึ่งด้วยนั้น
 
          เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หนึ่งในอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่ารู้จักนายกำพลมากว่า 20 ปี จากการแนะนำของเพื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการพระเครื่องก็คบหาเป็นเพื่อนกันมา วันที่ตนจัดงานวันเกิดหาเงินไปสร้างโรงพยาบาลที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกำพลก็มาบริจาคเงิน 5 ล้านบาท จัดงานประกวดพระเพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องมือแพทย์สำหรับโรงพยาบาลแห่งนี้ นายกำพลก็มาประมูลพระกลับไปในราคา 30 ล้านบาท เป็นสิ่งที่นายกำพลร่วมกิจกรรมการกุศลกับตนมา 

          “การคบกันเป็นเพื่อนแน่นอนมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ผมเคยเดือดร้อนก็เคยไปขอความช่วยเหลือจากนายกำพลหลายครั้ง นายกำพลเคยให้ความช่วยเหลือในเรื่องการเงินกับผม 3-4 ครั้ง รวมแล้วก็เป็นเงินที่ปรากฏตามข่าว 300 กว่าล้าน” พล.อ.สมยศ ระบุ

          อดีตผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ในการช่วยเหลือด้านการเงินครั้งนั้น นายกำพลโอนเงินผ่านธนาคารเข้าระบบธุรกรรมการเงินอย่างชัดเจน จึงมีเส้นทางการเงินปรากฏว่านายกำพลโอนเงินมาให้ตน แต่ในปีเดียวกันนายกำพลมาขอเงินคืนก็ได้คืนเงินให้นายกำพลเรียบร้อยผ่านระบบธุรกรรมการเงินของธนาคาร ที่สำคัญเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน หรือการโอนเงินในระบบของธนาคารก็ได้รายงานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียบร้อยแล้วเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นแล้วธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับนายกำพลมีจริง แต่ผ่านระบบต่างๆ ตามกฎหมาย มีสัญญาถูกต้อง มีการโอนเงิน ใช้เงินชดใช้หนี้สินกันเรียบร้อย

          "ไม่มีเหตุจำเป็นที่ผมต้องปกปิด เพราะผมไม่ได้คิดว่าเงินจำนวนนี้ผิดกฎหมาย แต่ถ้าสังคมหรือใครก็ตามที่ยังสงสัยว่าเงินที่ผมยืมหรือมาช่วยเหลือคนก็ดี เป็นเงินที่มาจากการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย อันนี้ต้องไปถามคุณกำพลว่าเขาไปเอาเงินที่ไหนมาให้ผมยืม ผมตอบไม่ได้ เพราะว่าผมไปยืมเงินใครผมคงไม่กล้าไปถามเขาว่า เงินที่คุณเอามาให้ผมยืมคุณไปปล้นเขามาหรือเปล่า หรือคุณไปค้ายาเสพติดมาหรือเปล่า

          ยืมก็คือยืม ช่วยก็คือช่วย ช่วยแล้วไม่ได้หายไปไหน เงินก็เอากลับไปคืน การโอนเงิน การโยกย้ายเงินอยู่ในระบบของธนาคาร ตรวจสอบได้" พล.ต.อ.สมยศกล่าว

          พล.ต.อ.สมยศ ย้ำว่าตนพร้อมและเต็มใจที่จะชี้แจงกับหน่วยงานใดๆ ที่อยากจะสอบถามเกี่ยวกับเงินจำนวนดังกล่าวถ้าได้รับการติดต่อประสานเข้ามา ซึ่งได้เตรียมเอกสารต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นก๊อปปี้เดียวกับที่มีอยู่ที่ป.ป.ช. ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่สุจริตว่าเงินจำนวนนี้ได้มาแล้วก็คืนกลับไป ถ้ามีเจตนาทุจริตหรือจะปิดบังซ่อนเร้นช่วยเหลือนายกำพลในทางที่ผิดกฎหมาย ตนก็ให้นายกำพลหอบเงินสดมาให้ไม่ดีกว่าหรือ

          ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันเดียวกัน นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และส.ส.หลายสมัยพรรคพลังประชาชน มอบอำนาจให้ นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความ มายื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายภาษิต หรือไก่ อภิญญาวาท น.ส.พิชญทัฬห์ หรือไบรท์ จันทร์พุฒ ทั้งสามร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการ “ชูวิทย์มีเรื่องเล่า” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 33 เอชดี และบริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จำกัด ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ระบบดิจิทัลของช่อง 3 เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 และฐานนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1)
   
          อีกสำนวนยื่นฟ้องนายชูวิทย์ น.ส.อรชพร หรือมิ้นท์ ชลาดล ผู้ดำเนินรายการ “ชูวิทย์ตีแสกหน้า” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องไทยรัฐทีวี และบริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ระบบดิจิทัลช่องไทยรัฐทีวี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานเดียวกัน จากกรณีที่มีการกล่าวพาดพิงนายยงยุทธ ที่เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด หรือสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน หรือการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จากการพูดถึงเส้นทางการเงินของสถานอาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ท
 
          ภายหลังยื่นฟ้องศาลอาญารับคำฟ้องสำนวนแรกไว้ในสารบบคดีหมายเลขดำ อ.356/2561 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ เวลา 09.00 น. ส่วนสำนวนที่ 2 เป็นคดีหมายเลขดำ อ.357/2561 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 11 มิถุนายน
   
          นายอุดมเปิดเผยว่า ที่นายยงยุทธนำคดีมายื่นฟ้องศาลเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนเองที่ถูกกล่าวหาจากนายชูวิทย์กับพวกที่พูดในรายการที่ออกอากาศทั้งทางช่อง 33 เอชดี และช่องไทยรัฐทีวี ทำให้ประชาชนเข้าใจว่านายยงยุทธเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชียงรายยูไนเต็ด หรือสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน หรือการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความเท็จทำให้นายยงยุทธได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เพราะความจริงแล้วสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด นายมิตติ ติยะไพรัช ลูกชายของนายยงยุทธได้ร่วมกับเพื่อนก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2552 ซึ่งนายยงยุทธไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้เป็นเจ้าของ ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นในสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด แต่อย่างใด
  
          “ที่สำคัญนายยงยุทธไม่เคยร่วมกับบุคคลใดฟอกเงินหรือปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การฟ้องคดีต่อศาลก็เพื่อจะพิสูจน์ความจริงหากนายชูวิทย์มีหลักฐานว่านายยงยุทธเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงินก็เอาหลักฐานมาพิสูจน์กันในศาลไม่อยากให้พูดจาใส่ร้ายโดยไม่มีหลักฐาน” นายอุดมกล่าว
    
          ทนายความของนายยงยุทธ กล่าวอีกว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ นอกจากจะฟ้องคดีอาญา 2 สำนวนแล้ว ในวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 11.00 น. เตรียมยื่นฟ้องคดีแพ่งจากการถูกละเมิดดังกล่าวอีก 2 สำนวนด้วยเช่นกันซึ่งเรียกค่าเสียหายสำนวนละ 100 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ