"ทนายษิทรา" โวยถูกกลั่นแกล้ง หลังตำรวจบุกจับคาสำนักงานกฎหมาย หิ้วสอบ สน.มีนบุรี ข้อหาสร้างพยานหลักฐานเท็จ ช่วยนางเอก "เอมี่ อาเมเรีย จาคอป" พ้นคดียา
เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.น.3 และสน.มีนบุรี นำหมายจับศาลมีนบุรีจับกุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความชื่อดังและเป็นเลขาธิการของมูลนิธิทีมงานทนายความประชาชนฯ โดยจับกุมที่สำนักงานกฎหมาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขที่ 67/4 ถนนเศรษฐกิจ ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวทนายษิทธาได้แล้ว ได้คุมตัวไปลงบันทึกการจับกุมที่ สภ.กระทุ่มแบน ก่อนคุมตัวไปสอบสวนที่ สน.มีนบุรี เนื่องจากเป็นพื้นที่ออกหมายจับ
อ่านข่าว-สน.มีนบุรี ให้ประกันตัวทนายตั้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากกรณีดังกล่าวทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยังได้โพสต์ข้อความระบุว่า “แจ้งข่าวด่วน ! ชุดสืบสวนบก.น3 ร่วมกับชุดสืบสวน สน.มีนบุรีนำหมายจับจากศาลมีนบุรีเข้าจับกุม ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิดในข้อหา ร่วมกันนำสืบ แสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ และเบิกความเท็จต่อศาลมีนบุรีในคดีเอมี่ อาเมเรีย จาคอป โดยใช้ พ.ร.บ.ยาเสพติดมาตรา 100/2 อันเป็นเท็จ”
ขณะที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ @ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ซึ่งทนายตั้ม ได้ออกมาแจ้งเบื้องต้นว่า “ตำรวจออกหมายจับผมเรื่องปลอมเอกสาร ที่ไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย ตอนนี้กำลังควบคุมตัวอยู่ครับ กำลังไป สน.มีนบุรี” พร้อมกับติดแฮชแท็กว่า กลั่นแกล้งกันขนาดนี้เลย
ขณะเดียวกันนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าวยอมรับว่าเป็นผลมาจากกรณีที่ตนได้นำพยานหลักฐานต่างๆ เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ บช.น. เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายษิทรา หลังพบว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสร้างพยานหลักฐานเท็จขึ้นมา เพื่อวิ่งเต้นสู้คดีให้ น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือเอมี่ นางเอกสาว ที่ถูกจับในคดียาเสพติด เกี่ยวกับเรื่องนี้ตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง แต่ที่ต้องทำก็เพื่อความถูกต้องในสังคม
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนมีพยานหลักฐานหลายอย่าง ทั้งหลักฐานเกี่ยวกับการขโมยบัตรข้าราชการตำรวจ บันทึกการจับกุมของ สน.ศาลาแดง รวมไปถึงคลิปเสียงของพยานที่อยู่ในเรือนจำ และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อนำไปสร้างหลักฐานเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริงในการช่วยเหลือนางเอกสาวต่อสู้คดี ซึ่งการจับกุมนายษิทราครั้งนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เพราะจากหลักฐานที่ตรวจสอบพบนั้นเชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย ส่วน น.ส.อาเมเรีย จะเกี่ยวข้องกับการสร้างพยานหลักฐานเท็จด้วยหรือไม่นั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเป็นผู้ชี้แจง
ด้าน นายนิพนธ์ จันทเวช เลขาธิการสภาทนายความ และกรรมการบริหารภาค 6 กล่าวว่า ถ้าหากมีทนายความถูกดำเนินคดีอาญาแต่ว่ายังไม่มีผลการตัดสินคดีจากทางศาลถึงที่สุด และศาลอนุญาตให้ประกันตัว ทางทนายความคนดังกล่าวสามารถทำงานต่อได้ ไม่มีผลกระทบต่อคดีที่กำลังดูแลอยู่
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเรื่องการดูแลทนายของทางสภาทนายความนั้น หากมีการร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับพฤติกรรมของทนายที่เข้าข่ายกระทำฝ่าฝืนมรรยาท จะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดว่าการกระทำของทนายความดังกล่าวผิดมรรยาทหรือไม่ ถ้ายังอยู่ระหว่างพิจารณา เรื่องยังไม่แล้วเสร็จ ทางทนายความที่ถูกร้องเรียนยังสามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ แต่เมื่อมีผลชี้ขาดมาแล้วว่าทนายคนใดผิดหลักมรรยาท การลงโทษหนักที่สุดคือลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ ไม่มีสถานะเป็นทนายความ ห้ามว่าความคดีต่อ หรือรับทำคดีอื่นๆ อีกต่อไป ส่วนคดีที่เคยได้ทำมีผลการตัดสินของศาลถึงที่สุดในอดีตจะไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้น
“โดยปกติทางสภาทนายความจะเข้าไปให้การช่วยเหลือทนายในการต่อสู้คดีอยู่แล้วแต่ต้องดูเรื่องข้อเท็จจริงเป็นหลักหากว่าทนายความไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือถูกบังคับให้ต้องทำในเรื่องที่ไม่สมควรจะมีการช่วยเหลือดูแลสมาชิกอยู่แล้วไม่ใช่การคุ้มครองคนผิดอย่างแน่นอน” นายนิพนธ์ กล่าว
ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายษิทรานั้นก่อนหน้านี้ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่คอยออกมาเคลื่อนไหวยื่นเรื่องและให้ข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบโครงการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลด้วยระบบไบโอเมทริกซ์ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จนกระทั่งมาถูกจับกุมในคดีดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง