ศาลสั่งจำคุก เสธ.ไบ๋ พร้อมลูกน้อง ลวงบนริษัท ติดตั้งหลอด "LED" - "แผงโซล่าเซลล์" ให้โรงเรียนในภาคอีสาน ให้ชดใช้เงินคืนผู้เสียหายทั้ง2 รายกว่า 40 ล้าน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 65 ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฉ้อโกงประชาชน หมายเลขดำ อ.3172/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องพล.อ.สมโภชน์ หรือเสธ.ไบ๋ เงินเจริญ อายุ 66 ปี อดีตที่ปรึกษาแม่ทัพภาคที่ 4 และอดีตผู้ช่วยหัวหน้าเสนาธิการ รมว.กลาโหม นางชุติกาญจน์ หรือกาญจนา บุญมี และ น.ส.ธนัญกัลย์ หรือฟ้า นันทดำรงวัฒน์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 28 มี.ค. - 20 ก.ค.61ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสามกับพวกที่ยังหลบหนี ได้ร่วมกันหลอกลวง หจก.ไพศาลการค้า ผู้เสียหายที่ 1 โดยอ้างว่ามี โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ (หลอกไฟ "LED") ซึ่งเป็นโครงการของกรมพัฒนาพลังงานทดแทน กระทรวงพลังงาน โดย พล.อ.สมโภชน์ จำเลยที่ 1 แนะนำตัวเองว่า เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และแจ้งว่า ผู้เสียหายที่ 1 สามารถรับงานตามโครงการได้ โรงเรียนในพื้นที่ จ.ขอนแก่นงบประมาณโรงเรียนละไม่เกิน 5 แสนบาท โดยผู้เสียหายต้องจ่ายค่าจองงานและค่าดำเนินการ 30% โดยจ่ายเงินสดจำนวน 5 แสนบาทก่อน และ ค่าติดตั้งหลอดไฟ "LED" รวม 496 โรงเรียนๆ ละ 939,000 บาท โดยผู้เสียหายจ่ายค่าดำเนินการต่างๆให้จำเลย รวม 31,261,300 บาท ซึ่งโครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง ล้วนเป็นความเท็จ อีกทั้ง จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้เป็น สนช. แต่อย่างใด
อัยการยังระบุฟ้องอีกว่า นอกจากนี้เมื่อระหว่างวันที่ 19 ธ.ค.60 -21ส.ค.61 ต่อเนื่องจำเลยทั้งสามยังได้หลอกลวงบริษัท โซล่าเซลล์ จำกัด ผู้เสียหายที่ 2 ว่า มีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหน่วยงานของรัฐ(ติดตั้งแผงโซล่า เซลล์) ให้กับ100 โรงเรียนใน จ.เลย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินจำนวน 12,700,000 บาทให้แก่พวกจำเลย ซึ่งเป็นโครงการเท็จทั้งสิ้น รวมมูลค่าเสียหายความเสียหายทั้ง 2 ราย รวม 43,961,300 บาท ขอให้ลงโทษพวกจำเลยตามกฎหมายด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
เหตุเกิดในกรุงเทพฯ จ.ขอนแก่น จ.เลย และที่อื่นเกี่ยวพันกัน
- พวกจำเลยไม่ได้รับการประกันตัว
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้ว พิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่1และที่ 3 กระทงละ 1 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 รวม 1 กระทง ๆละ 1 ปี 6 เดือน
ทางนำสืบของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทงละ 1 ปี รวม 2 กระทงเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 คนละ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 1 ปี ให้นับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.1026/2562 ของศาลแขวงดอนเมือง ให้จำเลยทั้งสามคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 28,404,477.40 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 1 และให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 คืนหรือชดใช้เงิน 12,700,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 ข้อหาอื่นให้ยก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง