พ่อและน้องสาว "ไฮโซแบงค์ กัลยรัตน์" เข้าพบตำรวจทองหล่อ สอบถามความคืบหน้าสาเหตุการเสียชีวิตพี่สาว หลังผ่านมา 80 วัน ยันไม่ปักใจเชื่อพี่สาวฆ่าตัวตาย เพราะสาเหตุหลักน่าจะเกิดการสำลักเลือดจากบาดแผลที่คอ และยังมีรอยของมีคมคล้ายมีดคัตเตอร์
จากกรณี นางกัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย หรือ ไฮโซแบงค์ เจ้าแม่วงการเสริมความงาม เจ้าของอิมเมจินี่ และ เดซี่ ดีว่าคลินิก เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ซึ่งเวลานั้นสาเหตุการเสียชีวิตที่ข่าวออกมาระบุว่า เป็นการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ที่เจ้าตัวป่วยอยู่ ด้วยวัย 51 ปี แต่ด้านตำรวจได้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นว่าเป็นการ "ฆ่าตัวตาย" ซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่างข้องใจและไม่ปักใจเชื่อในสาเหตุการเสียชีวิตที่ทางตำรวจระบว่าฆ่าตัวตาย แต่มิได้รับการติดต่อจากเจ้าพนักงานตำรวจผู้รับผิดชอบ เพื่อเข้าให้ปากคำหรือรับแจ้งความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด
วันนี้ 23 พฤศจิกายน 2564 นายไตรรัตน์ ณ. พัทลุง พ่อผู้เสียชีวิต นางสาวกิรัติมา ณ พัทลุง น้องสาวผู้เสียชีวิต พร้อมนายเกรียงศักดิ์ อิ่มสมบูรณ์ ทนายความได้เดินทางมายัง สน.ทองหล่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าของการสืบสวน รวมถึงขอรับทราบรายงานการชันสูตรพลิกศพ ที่ได้เสียชีวิตร่วม 80 วัน ก็ยังไม่ได้รับการแจ้งผลการชันสูตรพลิกศพและสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบสำนวนคดีรวมทั้งประสงค์จะเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคดีด้วย
เมื่อถามว่าทำไมครอบครัว ไฮโซแบงค์ ถึงเชื่อว่า ไม่ได้เป็นการ "ฆ่าตัวตาย" นางสาวกิรัติมา เปิดเผยว่า พี่สาวเป็นคนเข้มแข็ง คนสนิท หรือคนในครอบครัวจะรู้ดีซึ่งในส่วนของโรคมะเร็งที่เจ้าตัวเป็นมากว่า1ปีและผลการรักษาเป็นไปด้วยดีซี่งมีการทำคีโมมาแล้ว9ครั้งเหลืออีกแค่3ครั้งก็จะเสร็จสิ้นกระบวนการรักษา และจากการพูดคุยกับพี่สาวไม่ได้เห็นท่าทีท้อหรือมีการบ่นถึงอาการป่วยแต่อย่างใด
ยืนยันอาการป่วยไม่ใช่ปัญหา หรือสาเหตุที่ทำให้พี่สาวคิดสั้นอย่างแน่นอน อีกทั้งไม่เคยมีประวัติทำร้ายร่างกายตนเองเช่นเดียวกับปัญหาธุรกิจที่ไม่ได้มีปัญหาในขณะนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพื่อพิสูจน์เหตุการเสียชีวิต
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ทางครอบครัวไม่ได้ติดใจ หรือสงสัยใครเป็นพิเศษ เนื่องจากยังไม่ได้ดูข้อมูลหลักฐานและสำนวนเพราะในวันเกิดเหตุเจ้าตัวอยู่ภายในบ้านคนเดียวมีเพียงแม่บ้านที่อยู่ด้านนอก
ส่วนจุดเกิดเหตุพลข้อพิรุธหรือข้อสงสัยที่ระบุว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่ นั้น นางสาวกิรัติมาข้อมูลดังกล่าวครอบครัวเองไม่ได้ทราบข้อมูลใดๆทั้งสิ้น ว่าเป็นฆ่าตัวตายอย่างไรหรืออาวุธอะไร
นายไตรรัตน์ ยังมองว่า คดีดังกล่าวล่าช้าเกินไป นับตั้งแต่การเสียชีวิตก็ผ่านมากว่า80วัน ครอบครัวรอที่จะเข้ามาให้ข้อมูลกับทางตำรวจมาตลอด แต่ไม่มีการเรียกมาแต่อย่างใด
ด้านทนายความครอบครัว ไฮโซแบงค์ เปิดเผยว่า ในส่วนที่มีการระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่า เป็นการฆ่าตัวตายนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เป็นการสันนิษฐานว่า เกิดจากสาเหตุการสำลักเลือดจากบาดแผลบริเวณลำคอ โดยของมีคม รวมทั้งมีบาดแผลบริเวณข้อแขนด้วย
เมื่อถามว่ารายละเอียดอาวุธที่ใช้มีลักษณะอย่างไรในส่วนนี้ทางญาติไม่ทราบรายละเอียด ทราบว่าเบื้องต้นตำรวจแจ้งว่าคล้ายมีดทำครัว แต่สุดท้ายก็มีการแก้ไขข้อมูลว่าเป็นมีดคัตเตอร์และยังไม่ทราบรายละเอียดร่องรอบบาดแผลเช่นกัน และยังตั้งข้อสงสัยในการเสียชีวิตที่ครอบครัวได้รับแจ้งในเวลา19.30น. แต่ในใบ มรณบัตรกับระบุว่าเสียชีวิตในเวลา 20.45น.จึงตั้งคำถามว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่มีการนำส่งโรงพยาบาลซึ่งตามกฎหมายแล้วจะต้องระบุตามเวลาที่พบศพ
ภายหลังการเข้าพบพนักงานสอบสวน นางสาวกิรัติมา กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าอยู่ระหว่างการรอหลักฐานที่ยังมาไม่ถึง แต่ได้เร่งรัดไปยังผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำหลักฐานมาประกอบผลการสอบสวนให้เร็วที่สุด ส่วนความสัมพันธ์ของครอบครัวและสามีของผู้ตายนั้นหลังจากเกิดเหตุก็ได้มีการพูดคุยกันแต่ไม่มาก ส่วนความสัมพันธ์ของพี่สาวและสามีเคยมีปัญหาทะเลาะกันหรือไม่นั้น ตรงนี้พี่สาวไม่เคยเล่ากับครอบครัว
ส่วนประเด็นการเสียชีวิต ทนายความระบุว่าตำรวจยังไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นการถูกฆาตกรรม แต่ยังไม่ได้สรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตกรรมเบื้องต้นสรุปเพียงแค่ว่าเป็นการเสียชีวิตจากการถูกของมีคม ซึ่งยังสรุปไม่ได้เพราะต้องรอผลพิสูจน์หลักฐานมาก่อน ส่วนลำดับการเรียกสอบปากคำเป็นทางฝั่งสามีแต่ฝั่งญาติของผู้เสียชีวิตยังไม่มีใครถูกเรียกสอบ วันนี้จะเป็นการให้ปากคำแต่ผลการพิสูจน์หลักฐานยังไม่มาก็ไม่มีประโยชน์ จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่ก่อนหากญาติผู้เสียชีวิตติดใจประเด็นใดก็จะหาพยานหลักฐานและมาให้การเพิ่มเติม
ทั้งนี้ จากการสอบถามความคืบหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจวันนี้ญาติผู้เสียชีวิตมีความพอใจว่าการดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ส่วนมรดกและทรัพย์สินของผู้ตายนั้นอยู่ระหว่างการร้องขอศาลให้มีคำสั่งเพื่อแต่งตั้งผู้จัดการมรดก โดยร้องขอให้นางสาวกิรัติมาเป็นผู้จัดการมรดกต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง