ข่าว

สลดใจ อาสาสมัครฯ ป่วย "ไบโพลาร์" คว้า.38 ยิงกรอกปากดับ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อาสาสมัครฯ หนุ่มวัย 23 ปี คว้า.38 ยิงกรอกปากดับคาบ้านพัก ย่านสะพานสูง พบประวัติเป็นเด็กพิเศษ มีอาการ "ไบโพลาร์" เคยก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงมารดาเสียชีวิต เมื่อปี55

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 พ.ต.ท.ประยุทธ พึ่งเคหา สว.(สอบสวน) สน.ประเวศ ได้รับแจ้งเหตุชายป่วย "ไบโพลาร์" ยิงตัวเองเสียชีวิต เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 99/1299 ซอยหมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง 40 แขวงและเขตสะพานสูง กรุงเทพฯ หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ,กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

 

สลดใจ อาสาสมัครฯ ป่วย \"ไบโพลาร์\" คว้า.38 ยิงกรอกปากดับ

 

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว เนื้อที่ประมาณ 40 ตารางวา สูง 2 ชั้น ภายในห้องนอนชั้น 2 พบศพนายเกียรติประวัติ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี มีอาการป่วยเป็น "ไบโพลาร์นอนเสียชีวิต มีบาดแผลอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .38 มม. ยิงกรอกปากตัวเอง 1 นัด เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บวัตถุพยานหลักฐานภายในที่เกิดเหตุ หลังจากเจ้าหน้าที่แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ชันสูตรเบื้องต้น ได้มอบหมายให้มูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพส่งสถาบันนิติเวชวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจตามขั้นตอนของกฎหมาย

 

จากการสอบสวนเพื่อนของผู้ตาย ทราบว่า ผู้ตายเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิแห่งหนึ่ง ก่อนเกิดเหตุทางเพื่อนระแคะระคายว่า ผู้ตายจะก่อเหตุฆ่าตัวตาย เนื่องจากมีการสั่งเสียว่า ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว จึงเดินทางมาหาเพื่อยับยั้ง แต่ปรากฏว่า ผู้ตายยังยืนยันว่าไม่อยากอยู่ จังหวะที่เพื่อนเดินลงมาชั้นล่าง ปรากฏว่า นายเกียรติประวัติ ได้ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ยิงตัวเอง โดยเพื่อน ๆ ไม่ทราบมาก่อนว่า นายเกียรติประวัติ มีอาวุธปืนติดตัว สร้างความตกใจให้เพื่อนที่มาหาเป็นอย่างมาก

 

สลดใจ อาสาสมัครฯ ป่วย \"ไบโพลาร์\" คว้า.38 ยิงกรอกปากดับ

 

พ.ต.ท.ประยุทธ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า ภายในห้องนอนไม่มีการรื้อค้น หรือ ต่อสู้ แต่อย่างใด โดยพยานหลักฐานเชื่อว่า ผู้ตายก่อเหตุยิงตัวเอง จากการตรวจสอบประวัติผู้ตายเป็นเด็กพิเศษ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ ด้วยอาการการป่วยเป็นโรค "ไบโพลาร์ และมีประวัติก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงมารดาจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.55 สำหรับคดีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทางครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการตาย แต่เจ้าหน้าที่ต้องนำศพส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจชันสูตรตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ