ข่าว

นายกฯ ชวนคนไทย ร่วมก้าวข้ามวิกฤตโควิด เตรียม "เปิดประเทศ" แบบ New Normal

นายกฯ ชวนคนไทย ร่วมก้าวข้ามวิกฤตโควิด เตรียม "เปิดประเทศ" แบบ New Normal

16 ต.ค. 2564

นายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา โพสต์ ร่วมก้าวข้ามวิกฤตโควิดไปด้วยกัน เตรียม "เปิดประเทศ" แบบ New Normal แบบค่อยเป็นค่อยไปโดยมี 2 ปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ คือ ความพร้อมเรื่องการจัดหาและการฉีดวัคซีน

 

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก"ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ความว่า พี่น้องประชาชนครับ ตราบใดที่โลกไม่หยุดหมุน เราคนไทยก็จะต้องไม่หยุดการพัฒนา ไม่ว่าจะเกิดปัญหา หรืออุปสรรคนานัปการเพียงใดก็ตาม วันนี้รัฐบาลขอเชิญชวนให้ประชาชนชาวไทยทุกคน ร่วมก้าวข้ามวิกฤติโควิด มองไปข้างหน้า และเตรียม"เปิดประเทศ"แบบค่อยเป็นค่อยไป

 

โดย 2 ปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จคือ ความพร้อมเรื่องการจัดหาและการฉีดวัคซีนซึ่งมีแนวโน้มที่ดีมาก ๆ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ศบค.กำหนด รวมทั้งเรื่องเวชภัณฑ์และระบบสาธารณสุขที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าจะสามารถรองรับอัตราการติดเชื้อรายใหม่และลดอัตราการสูญเสียในอนาคตได้

 

และอีกปัจจัยที่สำคัญ คือ ความมีวินัยและความร่วมแรงร่วมใจกันของคนไทยทั้งประเทศ ในการเอาชนะโรคระบาดเพื่อมุ่งสู่การกลับมาใช้ชีวิตและการทำมาหากินตามปกติสุข แบบ New Normal ให้ได้ในเร็ววันครับ

 

ในขณะเดียวกัน เรื่องอุทกภัยในหลายจังหวัด ก็ยังคงเป็นอุปสรรคของการพัฒนาประเทศในหลายๆ ด้าน ซึ่งช่วงนี้ ผมและคณะรัฐมนตรีได้แยกกันเดินทางลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบภัย และติดตามการแก้ปัญหาของข้าราชการร่วมกับทุกภาคส่วนในแต่ละพื้นที่

 

โดยเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) ผมได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อ
พบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย และเร่งรัดการเตรียมความพร้อมของหน่วยงาน ป้องกันผลกระทบจากมวลน้ำหลาก ที่อาจจะมาจากหลายพื้นที่ในภาคอีสานที่ไหลมารวมกันที่ จ.อุบลราชธานี 

ซึ่งผมกำชับว่าต้องให้เกิดความพร้อมป้องกันมากที่สุด และเตรียมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้รวดเร็วที่สุด นอกจากนั้น ผมยังได้มาติดตามการดำเนินการตามโครงการบริหารจัดการน้ำที่รัฐบาลได้อนุมัติให้ดำเนินการไปแล้ว ที่จะป้องกันพื้นที่น้ำท่วมได้มากกว่า 3.7 แสนไร่

 

เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำลำเจียง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการแก้มลิงแก่งน้ำต้อน โครงการอ่างเก็บน้ำลำสะพุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า บ้านหนองไหล เป็นต้น นอกจากนั้น ผมยังได้รับฟังแผน การดำเนินโครงการจัดการลุ่มน้ำชี-มูล ที่จะดำเนินการในปี 65-67 จำนวนถึง 129 โครงการ เช่นโครงการผันน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-ลำตะคอง โครงการบรรเทาอุทกภัย เขตเทศบาลนคร นครราชสีมา-อ.พิมาย และเพิ่มพื้นที่ชลประทาน อ.โนนสูง  โครงการประตูระบายน้ำลำเชิญ โครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า และโครงการ
อ่างเก็บน้ำห้วยกระแหล่ง เป็นต้น

 

นอกจากนั้น ผมยังได้ติดตามผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาก้าวสำคัญของประเทศ คือ โครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด ที่เขื่อนสิรินธร ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อ 30 เมษายน 2562 เห็นชอบให้ดำเนินการภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 – 2580 (PDP 2018) ที่นับว่าเป็นโครงการผลิตพลังงานทางเลือกเป็นพลังงานสะอาด และเป็นโซลาร์เซลล์ลอยน้ำแบบไฮบริดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่งผสมผสานการผลิตไฟฟ้าระหว่างพลังงานแสงอาทิตย์และพลังน้ำ 

 

นายกฯ ชวนคนไทย ร่วมก้าวข้ามวิกฤตโควิด เตรียม "เปิดประเทศ" แบบ New Normal
 

โดยโซลาร์เซลล์จะผลิตไฟฟ้าได้ในช่วงกลางวัน และพลังน้ำจะช่วยผลิตไฟฟ้าเสริมในช่วงกลางคืนหรือช่วงที่มีแสงไม่เพียงพอ ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย

 

ทั้งนี้เมื่อเทียบต้นทุนและการซ่อมบำรุงกับกระแสไฟฟ้าที่ได้แล้ว ถือว่าถูกและคุ้มค่ามาก เทียบกับการผลิตไฟฟ้าจากการนำเข้าน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือถ่านหิน ยิ่งกว่านั้นเป็นการตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก และช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย โดย กฟผ.ร่วมกับจังหวัดอุบลราชธานี ได้ต่อยอดด้วยการพัฒนาโครงการนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญของจังหวัด โดยก่อสร้างเส้นทางเดินชมธรรมชาติ (Nature Walkway) เพื่อให้ประชาชนได้เดินชมความสวยงามของทิวทัศน์ได้อย่างใกล้ชิด และจะช่วยเสริมให้ธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดกลับมาคึกคัก ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย
 

การลงพื้นที่ครั้งนี้ ผมได้เยี่ยมชมโมเดลการสร้างความเข้มแข็ง-พึ่งพาตนเองได้ ด้านพลังงานและการเกษตรในระดับฐานราก ณ โรงเรียนและวัดป่าศรีแสงธรรม ซึ่งได้น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด “ศาสตร์พระราชา”

 

และโครงการตามพระราชดำริต่างๆ มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับภูมิสังคมของตนเอง เช่น โครงการแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทน โคกอีโด่ยวัลเล่ย์ ที่ไม่เพียงให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (หรือ “ไฟจากฟ้า”) แก่นักเรียนและชาวชุมชน เพื่อใช้ในบ้านและเป็นอาชีพเสริมแล้ว ยังสามารถ
พัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ชุมชนเกษตรกรรม ด้วยระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ควบคุมระบบเปิด-ปิดการรดน้ำต้นไม้ ด้วยระบบ IoT (หรือ “สมาร์ทฟาร์ม”) ในพื้นที่“โคก-หนอง-นา โมเดล” อีกด้วย

 

ยิ่งกว่านั้นยังมีการจัดตั้งรูปแบบการบริหารจัดการตามแนวทาง “วิสาหกิจชุมชน” ที่เป็นการหารายได้ แล้วนำกำไรกลับมาพัฒนา สร้างความเจริญ
ให้กับชุมชนของตนด้วยครับ

 

นับว่าเป็นอีกต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยความร่วมมือของคนในพื้นที่ ที่สะท้อนความเชื่อมโยงระหว่างบ้าน-วัด-โรงเรียน (หรือ “บวร”) ที่จะเป็นการสร้างพลังจากท้องถิ่นที่สำคัญของบ้านเมืองของเรา ทำให้ผมมีความประทับใจกับภูมิปัญญาท้องถิ่น และความอดทนใจสู้ที่พบเห็นจากการมาพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องที่จังหวัดอุบลฯ นี้มาก

 

ทั้งนี้ ในการพลิกโฉมประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติในระยะต่อไปนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับชาติ และการขับเคลื่อนในแต่ละระดับก็จะต้องอาศัยพลังบวก จากทุกพลังทางสังคม และพลังจากความสามัคคีของทุกภาคส่วน มาทำงานร่วมกัน เช่นเดียวกับโควิด ที่เราผ่านมาได้จากความร่วมแรงร่วมใจและสามัคคีของทั้งภาค
รัฐและภาคประชาชน ในการฟื้นฟูประเทศและพลิกโฉมประเทศไทย ให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง เศรษฐกิจดีนั้น จึงต้องอาศัยพี่น้องทุกคนให้สู้ไปด้วยกันอีกครั้งพร้อมกับผมรัฐบาล และหน่วยงานภาครัฐทุกแห่งที่พร้อมดำเนินการตามแผน และให้การสนับสนุนพี่น้องประชาชนทุกคนครับ