ส.ป.ก. เร่งขยายผล "จัดที่ดินทำกินให้ชุมชน" ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต้นแบบยก คทช.หงษ์เจริญ ตลาดนำการผลิต ทางแก้จนยั่งยืน
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เดินหน้าสนองนโยบายรัฐบาลตามยุทธศาสตร์ชาติ20 ปี(2561- 2580)และตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ในการสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามโครงการ"จัดที่ดินทำกินให้ชุมชน"ตามนโยบายรัฐบาล
พื้นที่ส.ป.ก.แปลง No.83-6400 บนเนื้อที่กว่า 6,415 ไร่ ใน ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยนำมาจัดสรรให้ประชาชนและผู้มีรายได้น้อย ได้เข้าใช้พื้นที่และทำประโยชน์เบื้องต้นจำนวน 897 ไร่ จึงเป็นโครงการนำร่องต้นแบบที่ ส.ป.ก. สนองนโยบายรัฐบาลในการจัดสรรให้กับเกษตรกรได้มีที่ทำกินเป็นของตนเอง สำหรับการประกอบอาชีพสร้างรายได้แก่ตนเองและครอบครัว ภายใต้สหกรณ์การเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินหงษ์เจริญ จำกัด
เราจะใช้ที่นี่เป็นพื้นที่นำร่องการทำงานร่วมกันในทุกองคาพยพ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายต้องการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกร
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. เคยให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อครั้งติดตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า "โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน" ตามนโยบายรัฐบาลที่ จ.ชุมพร
พร้อมทั้งมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) ให้กับตัวแทนชาวบ้าน ต.หงษ์เจริญ ที่รัฐบาลจัดสรรให้ 105 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 5 ไร่ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562
หากย้อนไปเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ภายหลังรัฐบาลมีคำสั่ง คสช. ที่ 36/2559 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 ยึดคืนพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันในเขตปฏิรูปที่ดินจากการครอบครองของบริษัท สหไทยน้ำมันพืช จำกัด ที่หมดอายุสัมปทาน
จากนั้นคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัดชุมพร (คทช.จ.ชุมพร) จึงได้มีมติอนุมัติหลักการจัดที่ดินให้เกษตรกร ครอบครัวละ 5 ไร่(แปลงที่อยู่อาศัยและแปลงเกษตรกรรมอยู่รวมกัน) โดยได้คัดกรองผู้ที่ยื่นคำร้องตามประกาศ คทช.จ.ชุมพร จำนวน 2,382 รายเหลือเพียง 105 ราย
ขณะเดียวกัน ส.ป.ก. ชุมพรได้ร่วมกับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดชุมพรดำเนินการจัดตั้งสหกรณ์ โดยจดทะเบียนในชื่อ สหกรณ์การเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินหงษ์เจริญ จำกัด เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2562 มีสมาชิก จำนวน 105 ราย และได้ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินตามแบบ ส.ป.ก.4-139 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2562
จากนั้น ส.ป.ก. ได้กำหนดแผนงานให้ ส.ป.ก.ชุมพร ดำเนินการการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อยกระดับรายได้ลด ความเหลื่อมล้ำตามปีงบประมาณ 2564 โดยมีหลักสูตรการจัดทำแผนแม่บทชุมชนในพื้นที่แปลงรวมเพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ฯใน 3 หลักสูตร ได้แก่
1.การจัดทำแผนแม่บทชุมชนในพื้นที่แปลงรวม 2.การส่งเสริมและพัฒนา
อาชีพเกษตรกรในพื้นที่แปลงรวม และ 3.โครงการอบรมศึกษาดูงานฯ ณ วิสาหกิจแปลงใหญ่พืชผัก ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
หลังเสร็จสิ้นการอบรมใน 3 หลักสูตร สมาชิกสหกรณ์ฯ ก็ลงมือปฏิบัติจริงในแปลงปลูก โดยส่วนใหญ่ปลูก กาแฟ จำนวน 2 ไร่ ตามข้อบังคับสหกรณ์ นอกนั้นจะเป็นการปลูกกล้วยเล็บมือนาง กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง ขนุน ผักเหลียง และพืชผักระยะสั้น เช่น แตงกวา ถั่วฟักยาว มะเขือ พริกต่างๆ แต่คุณภาพยังไม่ตรงตามความต้องการของตลาด
เมื่อเป็นเช่นนี้ ส.ป.ก.ชุมพร จึงได้ประสานไปยังนางสาวพิมพิไล มะลัย ผู้จัดการฟาร์ม ห้างฯโลตัส ภาคใต้(Farm Manager Lotus’s) มาเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ในเรื่องการปลูกฟักทองและฟักเขียว ให้มีคุณภาพและปริมาณที่ตรงตามความต้องการของตลาดและได้ตามมาตรฐานข้อกำหนดสินค้า โลตัส ตลอดจนขั้นตอนการเก็บเกี่ยวผลผลิตสู่โรงแพ็คกิ้ง
จากนั้นโลตัส ภาคใต้(Lotus’s) และ ส.ป.ก.ชุมพร ได้ร่วมดำเนินงานวางแผนการผลิต ภายใต้ยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต แนวคิดด้านการบริหารจัดการสินค้าเกษตรแบบใหม่ให้ปริมาณการผลิตและความต้องการสินค้าเกษตรเกิดความสมดุลให้เกษตรกรเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ค้า
โดยมีทีมกรรมการกลุ่มปลูกผักแปลงใหญ่หงษ์เจริญ นำตรวจเยี่ยมแปลงสมาชิก และร่วมดำเนินการคัดแยกผลผลิต ตามมาตรฐานของห้างฯโลตัส ภาคใต้(Lotus’s) ตลอดจนร่วมประชุมวางแผนกำหนดวันปลูกและวันเก็บ
เกี่ยวผลผลิตเพื่อส่งขายกับ Lotus’s ภายใต้ยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต แนวคิดด้านการบริหารจัดการสินค้าเกษตรแบบใหม่ ให้ปริมาณการผลิตและความต้องการสินค้าเกษตรเกิดความสมดุลกัน ให้เกษตรกรเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ค้า
ปัจจุบันมีเกษตรกรในโครงการฯ สนใจปลูกผักส่งห้างฯโลตัส ภาคใต้ จำนวน 40 ราย แบ่งเป็นฟักทอง 20 ราย ฟักเขียว 20 ราย นอกจากนี้ยังมี พริกจินดา พริกหยวก พริกหนุ่มพริกชี้ฟ้า และผักชี โดยจะมีผลผลิต ฟักทอง ฟักเขียว รอบการปลูกแรกในปลายเดือนกันยายน 2564 โดยทางห้างฯ ต้องการรับซื้อผลผลิต ฟักทอง สัปดาห์ ละ 1,000 กก. ฟักเขียวสัปดาห์ละ 500 กก. พริกชนิดต่าง ๆ สัปดาห์ละ 100 กก. และผักชีสัปดาห์ละ 200 กก.
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 ทีมเจ้าหน้าที่ห้างฯโลตัส ภาคใต้ นำโดยนางสาวพิมพิไล มะลัย ผู้จัดการฟาร์ม และนางสาวกนกพิชญ์ พาหมะ บริษัท กลุ่มทายาทเกษตรไทย จำกัดเข้าตรวจเยี่ยมแปลงเกษตรกรรม กลุ่มปลูกผักแปลงใหญ่หงษ์เจริญ (คทช.หงษ์เจริญ) เยี่ยมชมการดำเนินการคัดแยกผลผลิตเพื่อรับซื้อผลผลิตตามสัญญาได้ทำไว้กับกลุ่มเกษตรกรต่อไป
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่มีความสามัคคีและมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเองสู่ชุมชนที่สามารถพึ่งพาตนเองได้มีรายได้พอเพียงต่อการดำรงชีพ มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถเป็นต้นแบบให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินในพื้นที่อื่น ๆ ได้ต่อไป
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง