จีนออกกฎเหล็ก ให้เด็กเล่น"เกมออนไลน์"ได้แค่ 3 ชั่วโมง

สำนักข่าวชินหัว ได้รายงานเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า องค์การบริหารสื่อมวลชนและสิ่งพิมพ์แห่งชาติของจีนเผยแพร่กฎระเบียบใหม่ คุมเข้มเด็กและวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ในประเทศจีนจะได้รับอนุญาตให้เล่นวิดีโอเกมออนไลน์ได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์  โดยอนุญาตให้แค่วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ วันละ 1 ชั่วโมง รวม 3 ชั่วโมงเท่านั้น เพื่อเป็นแนวทางในการปกป้องสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตของเด็ก และพยายามควบคุมพฤติกรรมติดเกมของเด็กในประเทศ ที่ส่งผลต่อการศึกษาและการใช้ชีวิตประจำวันทั้งยังเป็นการห้ามบริษัททั้งหลายให้บริการเกมแก่เด็กนอกเวลาที่กำหนดอีกด้วย

โดยมาตรการล่าสุดนี้ถือเป็นอุปสรรคครั้งใหม่สำหรับบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้บริการเกมออนไลน์ประเทศจีน ทั้งบริษัทเทนเซ็นต์ไปจนถึงบริษัทเน็ตอีส ซึ่งต่างก็เผชิญกับการออกกฎระเบียบของรัฐบาลหลายๆ ด้านในปีนี้ อาทิ การต่อต้านการผูกขาดตลาดและการปกป้องข้อมูล ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวล และกระทบต่อมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีของจีน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

• จีนโชว์ศักยภาพสร้าง “เรือนำเที่ยวใต้ทะเลลึก” เองลำแรก
• จีนกำหนด ชม.นอนหลับขั้นต่ำ สำหรับเด็กประถม - มัธยม แก้ปัญหาภาวะอดนอน
• องค์หญิงกำมะลอ "เจ้าเหว่ย" ถูกทางการจีนแบน ลบชื่อจากทุกผลงาน

นอกจากนี้สำนักข่าวบีบีซีและเอเอฟพี  ยังมีรายงานเกี่ยวกับกระทรวงศึกษาธิการจีนที่ประกาศแนวทางปฏิรูปการศึกษาเพิ่มเติม ห้ามโรงเรียนจัดสอบข้อเขียนนักเรียนวัย 6-7 ขวบ  ด้วยเหตุผลคือการกดดันเด็กตั้งแต่ยังเล็ก โดยการสอบนั้นมีผลทำร้ายร่างกายและจิตใจเด็กได้  รวมถึง กฎระเบียบใหม่นี้ยังจำกัดให้โรงเรียนภาคบังคับในระดับการศึกษาอื่นจัดสอบได้แค่ภาคเรียนละ 1 ครั้ง โดยในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นนั้นอนุญาตให้สอบกลางภาคและสอบจำลองได้ 

ซึ่งปกติแล้วระบบการศึกษาของจีนนั้นจะใช้การสอบวัดผลเด็กนักเรียนมาตั้งแต่ชั้น ป.1 ไปจนถึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยและเด็กๆ ต่างก็ต้องแข่งขันกันค่อนข้างสูงมาก จึงมีมาตรฐานที่ต้องการปฏิรูปการศึกษาออกมา  ร่วมกับมีคำสั่งในเรื่องของการห้ามโรงเรียนกวดวิชาแสวงหากำไร และห้ามสอนหลักสูตรวิชาหลักในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาในจีนที่มีมูลค่ามหาศาล  โดยสาเหตุที่มีมาตรการต่างๆ ออกมานั้น ก็เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาภายในประเทศจีน ที่ส่วนใหญ่พ่อแม่ที่เป็นชนชั้นกลางขึ้นไป หรือมีฐานะที่มีกำลังจ่ายเงินปีละไม่น้อยเท่านั้น ที่จะให้ลูกเรียนกวดวิชาในเกือบทุกระดับชั้นจะได้สอบติดโรงเรียนชั้นนำและเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ ในขณะที่พ่อแม่ที่ไม่มีเงินก็จะไม่สามารถให้ลูกเรียนได้จนเกิดเป็นความเหลื่อมล้ำขึ้น