ข่าว

ยัดห่วง "ฝรั่งเศส" คว้าชัยหวุดหวิด ทะลุชิงฯ โอลิมปิกเกมส์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศึกยัดห่วงโอลิมปิกเกมส์ "โตเกียว2020" รอบรองชนะเลิศ ทีมชาติฝรั่งเศส เฉือนชนะ ทีมชาติสโลวีเนีย หวุดหวิด 90-89 แต้ม เข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

 

 

 

ศึกยัดห่วงทีมชาติ ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ "โตเกียว 2020 " รอบรองชนะเลิศ หรือ 4 ทีมสุดท้าย โอลิมปิก โตเกียว2020  ระหว่าง "ทีมชาติฝรั่งเศส" พบกับ "ทีมชาติสโลวีเนีย"  

 

ยัดห่วง "ฝรั่งเศส" คว้าชัยหวุดหวิด ทะลุชิงฯ โอลิมปิกเกมส์

 

 

 

การแข่งขันเกมนี้ถือว่าอีกหนึ่งเกมที่สูสีมาก ทั้งผลัดกันนำ และผลัดกันทำแต้มจนถึงเพลย์สุดท้าย ก่อนที่ "นิโคลัส บาทูม" ผู้เล่นทีมชาติฝรั่งเศสจะขึ้นบล็อกปิดเกมนี้ โดย "ทีมชาติฝรั่งเศส" ได้ "นานโด เดอ โคโล" ทำ 25 คะแนน 7 รีบาวน์ "อีแวน โฟเนียร์เออร์" ทำ 23 คะแนน 3 แอสซิสต์  และ "ทิโมธี ลูวาวู" ทำ 15 คะแนน 5 รีบาวน์  ส่วน "ทีมชาติสโลวีเนีย"  "ได้ลูก้า ดอนชิซ" ทำ ทริปเปิล – ดับเบิล  16 คะแนน 10 รีบาวน์ 18 แอสซิสต์   "ไมค์ โทบีย์" ทำ 23 คะแนน 8 รีบาวน์  และ "เคลเมน ปรีเปลิช" ทำ 17 คะแนน 3 แอสซิสต์  จบเกม  ทีมชาติฝรั่งเศส เอาชนะ ทีมชาติสโลวีเนีย ไปได้ ด้วยสกอร์ 90 – 89 คะแนน 

 

ยัดห่วง "ฝรั่งเศส" คว้าชัยหวุดหวิด ทะลุชิงฯ โอลิมปิกเกมส์

ยัดห่วง "ฝรั่งเศส" คว้าชัยหวุดหวิด ทะลุชิงฯ โอลิมปิกเกมส์

 

 

 

ทั้งนี้ บาสเกตบอล โอลิมปิก "โตเกียว2020"  รอบชิงชนะเลิศ จะเป็นการรีแมตช์ คู่ชิงบาสเกตบอล ระหว่าง "ทีมชาติสหรัฐอเมริกา" พบกับ "ทีมชาติฝรั่งเศส"  ที่ทั้งคู่เคยพบกันล่าสุดใน นัดชิงเหรียญทอง ในโอลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศออสเตรเลีย "ซิดนีย์เกมส์" ปี 2000 โดยครั้งนั้น เป็น ทีมบาสเกตบอล "ทีมชาติสหรัฐฯ" ที่เอาชนะ "ทีมชาติฝรั่งเศส" ไปได้ 85 -75 คะแนน  และ ถือเป็นการกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจาก นัดเปิดสนาม "โตเกียว2020" รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก ซึ่งเป็น ทีมชาติฝรั่งเศส เอาชนะ ทีมชาติสหรัฐฯ ไปได้ก่อน83 – 76 คะแนน

 

อย่างไรก็ตาม บาสเกตบอล โอลิมปิก "โตเกียว2020" นัดชิงชนะเลิศ จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม 2564

  • ทีมชาติสหรัฐอเมริกา พบกับ ทีมชาติฝรั่งเศส เวลา 18.00 น. ตามเวลาไทย

ส่วนรอบชิงที่ 3 จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม 2564

  • ทีมชาติออสเตรเลีย พบกับ ทีมชาติสโลวีเนีย เวลา 09.30 น. ตามเวลาไทย

 

ยัดห่วง "ฝรั่งเศส" คว้าชัยหวุดหวิด ทะลุชิงฯ โอลิมปิกเกมส์

 

 

 

ที่มา Twitter@FIBA 

CREDIT PHOTO : Twitter@FIBA 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ