สุดยอด"ของสะสมล้ำค่า" ที่นักลงทุนไม่ควรพลาด

ในปัจจุบันการลงทุนเป็นเรื่องใกล้ตัว และไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในรูปแบบของการออมเงิน การสร้างธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน หรือหุ้น เท่านั้น แต่ยังมีการลงทุนที่เกิดจากความหลงใหลหรือที่เรียกว่า Passion Investment ในรูปแบบของสะสม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ งานศิลปะ ของใช้ เสื้อผ้า และสินค้าแบรนด์เนม ที่นับวันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์เนม ที่มีประวัติศาสตร์ และเรื่องราวของแบรนด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถสร้างมูลค่าได้เป็นอย่างดี และสามารถต่อยอดความมั่นคงในชีวิตได้

มาร์ค ธาวิน พี เซียวตง ผู้มีประสบการณ์ในการเลือกซื้อและสะสมของมีค่ามานานกว่า 20 ปี  ได้มาแนะนำเคล็ดลับในการเลือกของล้ำค่าที่ลงทุนแล้วมีแต่มูลค่าเพิ่มขึ้น โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
เริ่มจากกลุ่มเครื่องประดับ และจิวเวลรี่ อย่าง มุกเมโล ไข่มุกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากหอยทากทะเล ซึ่งมีโอกาสเกิดแค่ 1 ใน 3,000 ตัวเท่านั้น และไข่มุกเม็ดที่มีความสมบูรณ์ ไร้ที่ติ จะเจอแค่ 1 ในแสนตัว มุกเมโลนั้นมีความพิเศษตรงเคยเป็นมุกประดับบนมงกุฏของจักรพรรดิชาวจีน  ด้วยความพิเศษนี้มุกเมโลจึงมีมูลค่าสูง อย่างเม็ดที่มีอยู่นี้มีความสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ หากเปิดประมูลก็จะได้ราคาก็ไม่ต่ำว่า 8 หลัก
พลอยสี พลอยที่มีสีสัน เอกลักษณ์ และลวดลายเฉพาะตามถิ่นกำเนิด ไม่สามารถผลิตทดแทนกันได้ อย่าง ทับทิมสยาม และทับทิมพม่า เป็นพลอยสีที่มีมูลค่ามากในความเป็นธรรมชาติ สำหรับคนที่กำลังเริ่มสะสม และลงทุนกับพลอยสี ควรเลือกพลอยสีที่มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่ผ่านความร้อนหรือกระบวนการหลอมใดๆ ไม่มีสารปนเปื้อน และมีตำหนิน้อยที่สุด ซึ่งความธรรมชาติของพลอยสีนั้นจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับพลอยสีเป็นอย่างดี

ไฮจิวเวลรี่จากแบรนด์ บุลการี(Bvlgari) ลักซ์ชัวรี่แบรนด์ที่มีตำนานเครื่องประดับรูปงู ที่มีชิ้นเด่นเป็นสร้อยคอ Monete Pendant Watch ซึ่งเป็นทั้งเครื่องประดับ และเครื่องบอกเวลา โดยความพิเศษอยู่ที่ตัวจี้จะเป็นเหรียญ Monete ที่ประดับอยู่บนนาฬิกาตูร์บิยง ซึ่งเป็นรุ่นที่ผลิตมาจากเหรียญโรมันโบราณที่มีชื่อว่าเตตราดราคม (Tetradrachm) สืบทอดมาจาก Alexander the Great สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยที่มีเส้นเดียวในโลกทำให้มูลค่าของสร้อยปรับเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา

Rolex Daytona Rainbow Everose
เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เปิดตัวในปี 2012 หน้าปัดนาฬิกาล้อมรอบด้วยพลอยสีไล่เรียงเฉดสวยเสมอกัน วางประดับบนตัวเรือนที่ออกแบบมาสามสีด้วยกัน ได้แก่ สีทองคำขาว, สีทองเหลือง และสีทองชมพู โดยราคาเปิดตัวเมื่อตอนวางขายประมาณ 2.8 ล้านบาท ราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท

Patek Philippe Nautilus 5724R-001 ขนาด 40 มม. ตัวเรือนเป็นโรสโกลด์ 18K ประดับเพชรด้านหลัง คริสตัลแซฟไฟร์เม็ดมะยมแบบขันเกลียว ตัวสายทำจากหนังจระเข้สีน้ำตาล ที่ใช้มือเย็บแบบแฮนด์เมดทั้งหมด ความพิถีพิถันในการผลิตอย่างหรูหราไร้ที่ติ ทำให้ปาเต็ก ฟิลิปป์ น่าหลงใหล ไม่เสื่อมค่าไปตามกาลเวลา

Hermès Ghillies Kelly 35 Tri-Color Alligator Bag หรือที่เรียกกันว่ารุ่น 3 หนัง ผลิตจากหนังสัตว์สามชนิดประกอบกัน ได้แก่ หนังนกกระจอกเทศ, หนังลิซซาร์ด (Lizard) และหนังจระเข้ ซึ่งในปัจจุบันไม่มีการผลิตรุ่นนี้แล้ว ราคาเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 2.25 ล้านบาท ส่วนราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท
นอกจากนั้นแล้วยังมี Hermes Kelly 40 Limited Edition Teddy Shearling Plush ที่ตัวกระเป๋าด้านนอกผลิตจากหนังแกะสีน้ำตาล ส่วนด้านในกระเป๋า และหูกระเป๋าผลิตด้วยหนังแพะภูเขา ราคาเมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมา ประมาณเกือบ 1 ล้านบาท ส่วนปัจจุบันสนนราคาอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าของแบรนด์เนมแต่ละชิ้นนั้น เมื่อเทียบราคาซื้อกับราคาปัจจุบันแล้ว ราคาปัจจุบันปรับตัวสูงกว่าหลายเท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามูลค่าของสินค้าแบรนด์เนมนั้นมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอยู่ทุกปี ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจรูปแบบใด การลงทุนกับสินค้าแบรนด์เนมจึงถูกจัดว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอีกทางหนึ่ง โดยเคล็ดลับสำคัญก็คือต้องศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบ และแบรนด์ที่สนใจ รวมถึงความต้องการในท้องตลาด สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับของสิ่งนั้น และเพิ่มกำไรให้กับผู้ลงทุนได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

รับมือ"ล็อกดาวน์" แนะร้านอาหารขายสินค้าแปรรูปเก็บได้นาน "สู้โควิด-19" ระลอก4
     

"ค้าปลีกสมัยใหม่" อีกหนึ่งความน่าจับตามอง หลังวิกฤติโควิด-19