ข่าว

เมื่อ"สิ่งแปลกปลอม"เข้า"จมูก"..นี่คือสิ่งที่ควรทำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อ"สิ่งแปลกปลอม"เข้า"จมูก" หากปฐมพยาบาลไม่ถูกวิธี อาจเผลอทำให้"สิ่งแปลกปลอม"หลุดเข้าไปลึกมากยิ่งขึ้น..หรือหลุดเข้าไปอุดตัน"หลอดลม" ทำให้หายใจไม่ออกและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

"สิ่งแปลกปลอม"เข้า"จมูก"มักเป็นภาวะฉุกเฉินที่เกิดขึ้นได้บ่อยใน"เด็กเล็ก" ที่เล่นซนเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นำสิ่งแปลกปลอม เช่น เมล็ดผลไม้ เศษยางลบ กระดุม ลูกปัด เศษกระดาน แยงเข้าไปคาอยู่ใน"รูจมูก" หรือหยิบสิ่งของชิ้นเล็กๆยัดเข้าไปใน"จมูก"

 

ถ้าพ่อแม่ไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรก และปล่อยทิ้งไว้หลายวัน  ก็จะทำให้เยื่อจมูกเกิดการอักเสบ

 

แต่บางครั้งก็สามารถเกิดขึ้นกับ"ผู้ใหญ่"ได้เช่นเดียวกัน เช่น เกิดจากการสำลักน้ำแล้วมีเศษทรายเข้า"จมูก" หรือมีแมลงบินเข้า"จมูก"โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งหากปฐมพยาบาลไม่ถูกวิธี อาจเผลอทำให้"สิ่งแปลกปลอม"หลุดเข้าไปลึกมากยิ่งขึ้น..หรือหลุดเข้าไปอุดตันหลอดลม ทำให้หายใจไม่ออกและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

 

“สิ่งแปลกปลอม” แบ่งออกเป็น 2 ชนิด

 

"สิ่งแปลกปลอม"ที่เกิดขึ้นเองภายใน"จมูก" เช่น ก้อนเลือดที่เกิดจากการมีเลือดกำเดาไหลหรือการมีน้ำมูกที่เหนียวข้นและแห้ง

 

"สิ่งแปลกปลอม"จากภายนอกอาจเป็นสิ่งมีชีวิต เช่น แมลง หรือปลิงหรืออาจเป็นสิ่งไม่มีชีวิต เช่น เศษกระดาษทิชชู ลูกปัด เมล็ดผลไม้ อย่างละมุด น้อยหน่าหรือถั่วชนิดต่างๆ

 

การป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก

 

อย่าให้เด็กเล่นสิ่งของเล็ก ๆ เช่น เมล็ดผลไม้ เศษยางลบ กระดุม ลูกปัด เป็นต้น

 

หายใจข้างเดียว น้ำมูกมีกลิ่น สัญญาณเตือนที่ต้องระวัง

กรณีที่"สิ่งแปลกปลอม"เข้า"จมูก"ในเด็กเล็ก ๆ พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรสังเกตจากสัญญาณเตือนเบื้องต้น เช่น มีน้ำมูกไหลข้างเดียวเป็นๆ หาย ๆ และน้ำมูกมีกลิ่นเนื่องจากมีหนองปน มีเสมหะไหลลงคอ ไอบ่อย ๆปวด"จมูก"ข้างเดียวแบบเป็น ๆ หายๆ และมักหายใจทางปากตลอดเวลา

 

หากลูกมีอาการเหล่านี้ควรรีบพาไปพบแพทย์ เพราะหากสิ่งแปลกปลอมหลุดจากโพรงจมูกเข้าไปในหลอดลมอาจอันตรายถึงเสียชีวิตได้

 

ข้อควรปฏิบัติ...เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก

 

ใช้มือปิด"รูจมูก"อีกข้างแล้วสั่ง"น้ำมูก"แรงๆ เพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาเอง

 

ถ้ามีอาการอักเสบใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลินวี อะม็อกซีซิลลิน อีริโทรไมซิน ร็อกซิโทรไมซินหรือโคไตรม็อกซาโซลนาน 5-7 วัน

 

ห้ามพยายามใช้คีมหรือเครื่องมือต่าง ๆ คีบเอาสิ่งแปลกปลอมออกมาเองเพราะอาจจะดัน"สิ่งแปลกปลอม"ให้หลุดเข้าไปลึกถึงหลอดลมหรือปอดซึ่งหาก"สิ่งแปลกปลอม"เข้าไปอุดตันหลอดลมอาจทำให้เสียชีวิตได้

 

กรณีที่สั่งน้ำมูกแล้ว"สิ่งแปลกปลอม"ไม่หลุดออกมาหรือ"สิ่งแปลกปลอม"อยู่ลึกให้รีบไปพบแพทย์ในทันทีเนื่องจากในผู้ป่วยบางราย อาจต้องมีการนำ"สิ่งแปลกปลอม"ออกภายใต้การดมยาสลบ จึงควรงดน้ำและอาหารก่อนมาพบแพทย์เพื่อป้องกันการสำลักเศษอาหารจากกระเพาะอาหารเข้าสู่ปอด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ปลูกถ่ายไต" ได้ไหม มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอะไรบ้างในช่วง โควิด-19

 

8 "คำพูด" พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรพูดกับลูก เกิดผลร้ายมากกว่าอย่างที่คิดไม่ถึง

 

"ตะคริว"สัญญาณผิดปกติร่างกาย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ