ข่าว

ร้องกองปราบ พ่อถูก "พริตตี้สาว" ตุ๋นธุรกิจทิพย์ 30 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลูกชายเสี่ยรับเหมา เหยื่อ "พริตตี้" ร้องกองปราบ โวยพ่อถูกตุ๋น ร่วมลงทุนธุรกิจ "ป้ายทะเบียน-เสื้อผ้า" กว่า 30 ล้าน จนหมดตัว

วันที่ 25 มิ.ย.2564 ที่กองบังคับการปราบปราม นายสถาปัตย์ ศักดิ์สมุทรานันท์ อายุ 36 ปี  บุตรชายของนายธนัญ ศักดิ์สมุทรานันท์ เสี่ยรับเหมาก่อสร้างที่เสียชีวิต จากการใช้อาวุธปืนปลิดชีพตัวเอง เหตุเกิดในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากร่วมลงทุนกับ "พริตตี้สาว" "พริตตี้นาเดีย" จนทำให้ได้รับความเสียหายไปกว่า 30 ล้าน พร้อมผู้เสียหายอีก 7 รายที่ถูกพริตตี้สาวรายนี้ หลอกให้ร่วมลงทุนเสื้อผ้านำเข้าจากจีน สร้างความเสียหายอีก 38 ล้านบาท ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.

 

 

 

 

นายสถาปัตย์ เปิดเผยว่า ก่อนที่บิดาจะเสียชีวิตนั้น เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง กระทั่งเมื่อปี 2563 ได้พบกับ "พริตตี้สาว" รายหนึ่งเข้ามาทักเฟซบุ๊ก เพื่อขอเป็นเพื่อนและมีการพูดคุยกันมาตลอด จนมีความสนิทสนมและถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนผลิตกรอบแผ่นป้ายทะเบียนรถสีทอง นับหมื่นแผ่น โดยมีการอ้างว่า กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งพ่อของตนก็หลงเชื่อ โดยตั้งแต่เดือน มีค.63-24 มีค.64 ได้โอนเงินไปรวมลงทุนรวม 113 ครั้ง ประมาณ 25 ล้านบาท

 

นายสถาปัตย์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันพริตตี้นาเดีย ยังขอให้พ่อช่วยเหลือด้านการเงิน เนื่องจากธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าขาดทุน จึงมาขอหยิบยืมเงินไปอีกเกือบ 8 ล้าน รวมเป็นเงินทั้งหมด 33 ล้านบาท หลังจากนั้นตลอดระยะเวลา 1 ปี พ่อได้มีการทวงถามเงินที่ต้องได้รับ ทั้งจากธุรกิจป้ายทะเบียน และธุรกิจค้าผ้า ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จนได้ตรวจสอบธุรกิจทั้งสอง พบว่า ไม่มีอยู่จริง ทำให้เกิดความเครียด

 

เพราะธุรกิจที่ทำอยู่ไม่มีเงินหมุนเวียน ทำให้ต้องนำทรัพย์สินไปจำนองทั้งในระบบ และนอกระบบ มีที่ดินก็ต้องนำไปขาย สุดท้ายครอบครัวก็เดือดร้อน เมื่อเจ้าหนี้ทวงถามก็ไม่มีทางออก สุดท้ายจึงต้องยิงตัวตายไปเมื่อ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้คดีก็อยู่ในชั้นสอบสวนของ สภ.เมืองนครนายก แต่ไม่มีความคืบหน้า จนต้องเข้ามาร้องทุกข์ต่อกองปราบปราม

 

ส่วน น.ส.น้ำส้ม (นามสมมุติ) ตัวแทนผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ร่วมลงทุน กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ของ "พริตตี้สาว" รายนี้จะเข้ามาหลอกแบบเดียวกัน คือชักชวนให้ลงทุนธุรกิจเสื้อผ้านำเข้าจากจีน  โดยมีการอ้างว่ามีผลกำไรสูง ซึ่งจะติดต่อมาทางเฟซบุ๊ก เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อยอมโอนเงินให้ เริ่มต้นตั้งแต่หลักพันบาท ไปจนถึงล้านบาท

 

เมื่อลงทุนไปแล้ว ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร เมื่อทวงถามก็พยายามบ่ายเบี่ยง มีข้ออ้างต่างๆนาๆ  ว่าสินค้ายังส่งไม่ได้ เพราะติดโควิด หรืออยู่ที่ศุลกากรบ้าง ต้องจ่ายค่าเช่าโกดัง เพื่อนำสินค้าออก ทำพฤติกรรมแบบนี้เรื่อยมา จนพวกตนเชื่อว่าถูกหลอกแน่นอน จึงต้องเข้ามาร้องเรียนดังกล่าว

 

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ "พริตตี้สาว" รายนี้ เคยตกเป็นข่าวดังเมื่อ 2 ปีก่อน กรณีหลอกให้ลงทุนแบบเดียวกัน และถูกผู้เสียหายรวมตัวเข้าแจ้งความ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัว แต่งตั้งทนายสู้คดี รวมทั้งจ่ายเงินคืนให้กับผู้เสียหาย จนมีการถอนแจ้งความ

 

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหาย ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาสั่งการต่อไป

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ