ข่าว

หัวอก "4แม่เฒ่า" ที่ดินถูกยึด เจ้าหนี้ ไล่ออกจากบ้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เจ้าหน้าที่ ตะเพิด "4 แม่เฒ่า" พี่น้องวัยใกล้ฝั่ง ออกจากบ้าน กำหนดเส้นตาย 17 มิ.ย.นี้ หลังหลานชายนำที่ดินไปจำนอง เพื่อไปทำงานที่ไต้หวัน แต่กลับถูกหลอก สุดท้ายไม่มีเงินผ่อน ถูกยึดที่ดิน

ที่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 4 ต.สามเรือน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านเรือนไม้ขนาดใหญ่ ใต้ถุนสูง ปลูกบนพื้นที่ 3 งานเศษ พบ 4แม่เฒ่า อายุไล่เรียงกัน ตั้งแต่ 94 ปี 82 ปี 80 ปี และ 77 ปี ทุกคนอยู่ในอาการเศร้า ในตาฉายแววว่าทุกข์ใจ ร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา เพราะเจ้าหนี้ได้ไล่ที่ ให้ออกไปจากบ้าน ที่ตนเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เล็กจนโต โดยทั้ง 4แม่เฒ่า จะต้องออกไปจากบ้านหลังนี้ในวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ที่จะถึงนี้ โดยไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนต่อไป

 

หัวอก \"4แม่เฒ่า\" ที่ดินถูกยึด เจ้าหนี้ ไล่ออกจากบ้าน

 

 

 

นางโปรย อนุเคราะห์ อายุ 94 ปี มีครอบครัวมีลูก2 คน น.ส.ศรีนวล ทิมแย้ม อายุ 82 ปี โสด น.ส.แฉล้ม ทิมแย้ม อายุ 80 ปี โสด และนางตะล่อม ทิมแย้ม อายุ 77 ปี โสด แม่เฒ่า 4 พี่น้อง ที่หวังใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในบ้านหลัง ที่พ่อแม่สร้างไว้ให้เมื่อวัยเด็ก และอยู่มาจนแก่ชรา ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา เพราะไม่รู้ว่าต่อไปนี้พวกตนจะอยู่อย่างไร จะไปอยู่ที่ไหน ไม่มีที่ไปแล้ว พูดได้คำเดียวว่าหากต้องถูกไล่ออกจากบ้านหลังนี้คงตายคาบ้าน หรือไม่ก็ยอมตายในคุก

 

 

ด้วยความผูกพันที่อยู่ด้วยกัน 4 พี่น้อง ตั้งแต่เด็กมาจนแก่เฒ่า คงต้องถึงที่สุดของชีวิต คือ เสียใจจนตาย ด้วยความแก่ชรา อีกทั้งต่างคนต่างก็มีโรครุมเร้า เดินไม่ค่อยไหว ซ้ำรายเป็นมะเร็ง เป็นโรคหัวใจและคนเล็กเป็นโรคหอบหืด หวังจะได้เห็นหน้ากัน ฝากผีฝากไข้กัน ต่อไปจะอยู่กันอย่างไร  แม่เฒ่าทั้ง 4 คนวอนขอความช่วยเหลือจากทนายจิตอาสา ที่ช่วยเหลือประชาชนและผู้ใจบุญ มาช่วยเหลือ แม่เฒ่าแก่ๆไม้ใกล้ฝั่งทั้ง 4 คนได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ไปจนกว่าจะตายด้วย

 

 

เมื่อถามถึง สาเหตุที่ต้องมาถูกไล่ที่ในครั้งนี้ แม่เฒ่าทั้ง 4 กล่าวว่า ด้วยความรักและหวังเห็นอนาคตของหลาน เมื่อหลานมาขอใช้โฉนดในการไปกู้เงิน เพื่อไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน แม่เฒ่าทั้ง 4 จึงให้หลานเอาโฉนดที่ดิน จำนวน 4 แปลง ของคนในครอบครัว ไปค้ำประกันเงินกู้จำนวน 450,000 บาท จากเจ้าหนี้รายหนึ่ง โดยเป็นที่ดินทำกิน 3 แปลง รวมประมาณ 12 ไร่เศษ

 

 

และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3 งาน 97 ตารางวา คือบ้าน 3 หลังที่แม่เฒ่าทั้ง 4 อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ แต่หลานชายที่ไปทำงานที่ไต้หวัน ก็ถูกหลอกไม่มีเงินกลับมาใช้หนี้ จนกระทั่งทางเจ้าหนี้ จึงแต่งตั้งทนายมาทวงถาม และในที่สุดมีการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไป เมื่อปี 2562 รวม 3 แปลงเป็นเงิน 980,500 และมีส่วนต่างเงินคืนให้ลูกหนี้ จำนวน 365,000 บาท

 

 

ขณะที่นายลวง อนุเคราะห์ อายุ 54 ปี ลูกชายของนางโปรย อนุเคราะห์ ผู้ชายคนเดียวของบ้าน ที่ต้องดูแลแม่ และน้า 3 คน และพี่สาวอีกคน กล่าวว่า ตนในฐานะคู่ความแทนพี่ชายซึ่งเป็นลูกหนี้ และเสียชีวิตไปแล้ว ได้ไปอ้อนวอนขอซื้อที่ดิน พร้อมบ้านที่พวกตนได้อยู่นี้คืน โดยจะนำเงินที่ได้รับคืนจากสำนักงานบังคับคดี และจากบางส่วนที่พอจะหามาได้ เพื่อขอซื้อบ้าน 3 หลังกลับมาให้แม่ น้า ทั้ง 4 คน และพี่สาวอีกคน ได้มีที่อยู่อาศัย เป็นที่ซุกหัวนอนในยามบั้นปลายชีวิตก่อนจะหมดลมหายใจไป

 

 

 

 

นายลวง เล่าว่า ตนเองได้ใช้ความพยายามทุกวิธี ทั้งวิ่งเต้นหาเงิน วิ่งขอความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน เพื่อขอซื้อบ้านหลังนี้กลับมา หลังจากปี พ.ศ.2545 ที่หลานชายลูกของพี่สาว ต้องการเดินทางไปทำงานประเทศไต้หวัน และได้นำที่ดิน จำนวน 4 แปลง ของคนในครอบครัว ไปค้ำประกันเงินกู้จำนวน 450,000 บาท จากเจ้าหนี้รายหนึ่ง โดยเป็นที่ดินทำกิน 3 แปลง รวมประมาณ 12 ไร่เศษ และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3 งาน 97 ตารางวา

 

 

คือบ้านที่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่นี้ แต่หลานชายและครอบครัวไม่สามารถหาเงินมาชดใช้หนี้สินที่ก่อขึ้นได้ เจ้าหนี้จึงแต่งตั้งทนายมาทวงถาม และในที่สุดมีการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เมื่อปี 2562 จนกระทั่งเจ้าหนี้ยื่นคำขาดว่าจะเข้ามายึดบ้านหลังนี้ในวันที่ 17 มิถุนายน 64 วอนทนายจิตอาสา ช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ยาก หรือใครก็ได้ช่วยคุยกับเจ้าหนี้ให้ใจอ่อนขายคืนบ้านให้ แม่และน้าๆ ตนเองในส่วน 3 งานนี้ เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาตนเองก็สู้สุดชีวิต แต่ทำได้เพียงเท่านี้ ทั้งนี้ เบื้องต้นทราบว่า ทางเจ้าหนี้อาจขายบ้าน 3 หลังให้ในราคาประมาณ 2 ล้านบาท แต่ลูกหนี้มีเงินอยู่ประมาณ 6 แสนบาท 

 

 

ด้านนายปรีชา สุทนต์ นายอำเภอศรีสำโรง พร้อมยุติธรรมจังหวัดสุโขทัย และเจ้าหน้าที่สำนักงานบังคับคดี ลงพื้นที่สอบถามและให้คำแนะนำ พร้อมยืนยันว่า จะดำเนินการให้แม่เฒ่าทั้ง 4 คน มีที่อยู่ และกล่าวด้วยความสะเทือนใจว่า ในกระบวนการทางกฎหมายได้มีการดำเนินไปแล้ว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรง  และสะเทือนใจ โดยต้องดูว่า ผู้ที่ซื้อไปแล้วจะขายคืนหรือไม่ ซึ่งราคาที่ซื้อไปนั้นถูกมาก ถือเป็นกรณีตัวอย่าง ไม่อยากให้เกิดกับปู่ย่าตายายแบบนี้ ยาย 4 คนทำกินไม่ได้แล้ว จะอยู่อย่างไร แต่จะไม่ย้อนกลับไปดู และจะเดินหน้าแก้ไขและหาทางช่วยถึงที่สุด พร้อมนำถุงยังชีพจากกิ่งกาชาดอำเภอศรีสำโรงมามอบให้แม่เฒ่าทั้ง 4 เพื่อเป็นกำลังใจในเบื้องต้น

 

 

นายสมศักดิ์ โตจริง อายุ 49 ปี หลานชายที่นำที่ดินไปจำนองหวังอนาคตที่ดีขึ้น แต่ถูกหลอกกลับมาไม่มีเงินเหลือ แถมเป็นหนี้สินเพิ่มเติม ปัจจุบันทำงานรับจ้างอยู่ จ.ระยอง และในวันนี้ทำได้เพียงกลับบ้านมาช่วยน้าเก็บของออกจากบ้าน มาเช่าบ้านอยู่ที่บ้านของเพื่อนบ้านในระแวกเดียวกัน โดยแบ่งเป็นสองหลัง และยายต้องแยกกันอยู่ ซึ่งทั้ง 4 คนไม่เคยแยกกันอยู่เลย ไม่รู้สภาพจิตใจยายจะรับได้ไหม เรื่องหนี้สินนั้นตัวเองก็เสียใจที่เป็นต้นเหตุ แต่ที่ผ่านมาได้ไปขอไกล่เกลี่ยและใช้ไปบางส่วนแล้ว แต่ก็คืนเจ้าหนี้ได้ไม่หมด เห็นยายเป็นแบบนี้ก็ร้องไห้ทุกวัน ปัจจุบันหาเช้ากินค่ำ ลูกตัวเองก็พิการ ตอนนี้อยู่กับภรรยาที่ จ.ระยอง และความหวังสุดท้ายวอนขอเมตตา อยากได้ที่อยู่อาศัยคืน ให้แม่แก่ ให้น้า ได้มีที่อยู่อาศัยคืน ได้กินข้าวหม้อเดียวกัน บ้านเดียวกันเหมือน 50 ปีที่ผ่านมา

 

 

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ