ผบ.ตร.เผยจับหลงจู้ แค่จุดเริ่มต้น

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564  พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ผ่านรายการ 'เนชั่น อินไซด์'  ทางสถานีข่าวเนชั่นทีวี ช่อง 22 เพื่อไขความกระจ่างในประเด็นปฎิบัติการเข้าจับกุม  “หลงจู้” ของตำรวจกองปราบ จนเป็นที่จับตาของสังคมถึงการกวาดล้างบ่อนการพนันในประเทศไทย   

"เราทำการสืบสวน ค่อนข้างยาก โดยหลายสาเหตุ จากเรื่องปกติการจับบ่อนจะมีการขยายไป แต่ว่าคดีนี้ พอมีข่าวอย่างเดียว มีการเล่นการพนัน การแพร่กระจายของเชื้อ ตัวบ่อนไม่อยู่ให้จับ การสืบสวนเราจะต้องเริ่มว่าเรามีอะไรอยู่บ้าง หลายอย่างที่ทำเราไม่สามารถเปิดเผยได้" พล.ต.อ.สุวัฒน์ เริ่มต้นด้วยคำอธิบายที่มาของคดี

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: กองปราบ เปิดปฏิบัติการเหนือเมฆ คว้าตัว 'หลงจู้' เจ้าพ่อบ่อนพนันตะวันออก คาบ้านพักสุดหรูในจ.ระยอง 

เราพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในคดีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีเก่าฝ่ายปกครอง ดีเอสไอจับ รวมถึงคดีที่เราจับตู้ม้าไฟฟ้า สลอต หรือการตรวจสอบที่ประชาชนไปติดเชื้อ แพร่สถานที่ต่างๆ  เราทำหลายเรื่อง เราใช้กม.ทุกฉบับ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า วันที่ขออนุมัติจับ เป็นเพียงเริ่มต้น มีการบ้านต้องทำอีกเยอะ ข้อหาที่ตั้งโทษไม่ได้มาก แต่เป็นข้อหามีหลักฐานนำไปสู่กม.ฟอกเงิน เส้นทางการเงินตรวจสอบละเอียด ไม่ว่าจะเป็นตัวเป้าหมาย หรือลูกน้อง ญาติพี่น้อง รวมถึงธุรกรรมต่าง ๆที่เขานำมาประกอบเป็นกระบวนการธุรกิจการพนัน

ตอนนี้จะแยก 2 ส่วนส่วนความผิดพื้นฐานรายย่อย ทั้งเรื่องการพนัน พรบ.ศุลกากร รายละเอียดย่อยๆ พนักงานสอบสวนพื้นที่จะรับผิดชอบ และส่วนความผิดฐานฟอกเงิน เป็นหน้าที่ของกองปราบ ทำงานมาระยะหนึ่ง ประสานกับทางปปง.ด้วย

การจับกุมวันนี้ ปฎิบัติการวันนี้ จับได้เพียงคนเดียว พล.ต.อ.สุวัฒน์บอกว่า เราออกหมายจับบางคนก่อนเมื่อวานนี้ พอออกหมาย เห็นความเคลื่่อนไหว น่าจะรู้และหลบหนี ก้อเป็นไปได้ข้อมูลรั่ว คนในพื้นที่ด้วย โอกาสที่จะทำอะไรปิดลับ ในอีกมุมเขาก้อตายใจ เพราะคิดว่ารอบแรกไม่มีตัว เราก็ต้องชั่งน้ำหนักส่วนได้ส่วนเสีย เมื่อวานเราขอหมาย กังวลที่สุดว่าจะรั่วหรือไม่ ส่วนที่ออกหมายจับก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ไม่จับ ตามอยู่ตลอด เชื่อว่าจับได้ ไม่ใช่มีแค่นี้ ต้องออกหมายให้มากที่สุดตามพยานหลักฐาน  การขยายผลทั้งหมด ไปถึงใคร ไม่เหลือ เอาให้มากที่สุด ใช้กม.ทุกฉบับ 

เมื่อถามถึงการสอบปากคำ หลงจู้ วันนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์บอกว่า การสอบปากคำ ไม่พูดอะไร รับทราบข้อหา ตอนแรกไม่ร่วมมือตรวจปัสสาวะ แต่สุดท้ายก็ยอมให้ความร่วมมือ

ถามถึงการสอบสวน มีบางคน เกี่ยวพันการนำเงินสดจากบ่อน ไปแลกเหรียญกษาปน์  พล.ต.อ.สุวัฒน์บอกว่า อันนี้มีหลักฐานแบบนั้น เราพยายามเชื่อมโยงให้ครบถ้วน เราดำเนินการอยู่

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวปิดท้ายถึงนโยบายการปราบปรามการพนันว่า พยายามให้กำลังพลทุกคนตระหนักถึงความสำคัญ ตำรวจเองต้องยอมรับว่าช่วงเวลาบางช่วงอาจจะย่อย่น มองว่าเป็นเรื่องการพนัน หรือบางครั้งอาจจะมีบางคนรู้เห็นเป็นใจ อยู่กันมาแบบนี้ ตำรวจทั้ง 2 แสนเป็นแบบนี้หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่ ใครไม่ถูกต้องเลิก จับได้ต้องลงโทษ ต้องทำความเข้าใจถึงเวลาต้องเปลี่ยน เราต้องตั้งใจทำให้สังคมเห็นว่า เราไม่ได้อยากเป็ฯแบบนี้ ใครที่ทำแบบนี้ ต้องรับโทษถ้าทำผิด เราต้องลุกขึ้นมาแก้ไขสิ่งที่เสียหาย ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ เราต้องทำได้ 

เราไม่ปฎิเสธความรับผิดชอบ แก้ไขในสิ่งที่ผิด เราต้องให้ลูกน้องทำให้ได้ เราอยู่กันพูดกันรู้เรื่อง ตั้งใจทำทุกอย่าง เราทำอะไร เราตั้งใจจริงๆ ใครมีข้อมูล จะตำหนิบอกได้ทุกเรื่อง