ข่าว

การวิเคราะห์กราฟออนไลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างการซื้อขายหุ้น ตลาดเงินและ BTC

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การวิเคราะห์กราฟออนไลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างการซื้อขายหุ้น ตลาดเงินและ BTC

การลงทุนในหุ้น ทองคำ ตราสารอนุพันธ์ต่างๆ รวมไปถึงค่าเงินหรือฟอเร็กซ์ นอกจากการวิเคราะห์ในเรื่องของปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้องยังมีในส่วนของกราฟเทคนิค ซึ่งเป็นกราฟที่อธิบายการขึ้นลงของราคาในตัวสินค้านั้นๆ อาจดูสลับซับซ้อนและยุ่งยากพอสมควรโดยเฉพาะมือใหม่หรือผู้ที่ไม่เคยอ่านกราฟมาก่อนเลย โดยในวันนี้จะมาแนะนำถึงการวิเคราะห์กราฟและความสัมพันธ์ของ การซื้อขายหุ้น ตลาดเงินและ BTC ในเบื้องต้น เพื่อให้มือใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนได้ศึกษาและนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ให้สามารถอยู่รอดและทำกำไรในการลงทุนเหล่านี้ได้

ประเภทของกราฟ

กราฟที่ใช้ในการเทรดและวิเคราะห์ที่นักลงทุนนิยมใช้กันในตลาดมากที่สุดคือกราฟแท่งเทียน โดยในกราฟแท่งเทียน 1 แท่งสามารถที่จะบอกในเรื่องของราคาของสินค้าที่จะเทรด ณ ช่วงเวลานั้นๆ เช่นกราฟแท่งเทียนรายวัน จะประกอบไปด้วยกราฟแท่งเทียน 1 แท่ง แสดงราคาเปิด-ราคาปิดและราคาสูง-ต่ำภายในวัน

การวิเคราะห์กราฟออนไลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างการซื้อขายหุ้น ตลาดเงินและ BTC

ในกราฟแท่งเทียนที่แสดงผลในโปรแกรมจะมีอยู่ด้วยกัน 2 สี นั่นคือสีเขียวและสีแดงหรือสีอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนของแต่ละคน ซึ่งในรูปแรกจะแสดงถึงราคาต่ำสุด-สูงสุด-ราคาเปิด-ราคาปิด

  • ราคาเปิด คือ ราคาเริ่มต้นในการซื้อขายของแท่งเทียน
  • ราคาปิด คือ ราคาสุดท้ายของการซื้อขายของแท่งเทียน
  • ราคาสูงสุด คือ ราคาที่มีการปรับตัวไปทำจุดสูงสุดของแท่งเทียน
  • ราคาต่ำสุด คือ ราคาที่มีการปรับตัวไปทำจุดสูงสุดของแท่งเทียน

จะวิเคราะห์กราฟจากแท่งเทียนได้อย่างไร

การวิเคราะห์กราฟออนไลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างการซื้อขายหุ้น ตลาดเงินและ BTC

ที่มาของรูป : โปรแกรม Aspen เป็นโปรแกรมที่ต้องสมัครเพื่อเปิดพอร์ตกับทางโบรกเกอร์ที่ให้บริการเท่านั้น ซึ่งผู้เขียนมีพอร์ตหุ้นที่ KTBS

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เล่าสู่กันฟัง-หุ้นกับทางเลือกในการบริหารถังน้ำ

 

จากรูป มีกราฟทั้งหมด 3 Time Frame ด้วยกันนั่นคือกราฟ Day กราฟ 30 นาที และ กราฟ 5 นาที ซึ่งในกราฟ Day จะเห็นว่าเป็นแท่งเขียวเพียงแท่งเดียว ในขณะที่กราฟ 30 นาที จะแบ่งออกเป็น 10 แท่งเทียน และกราฟ 5 นาที จะมีจำนวนแท่งเทียนที่มากกว่า Time Frame เล็กมากเท่าไรก็จะเห็นการเคลื่อนไหวของราคาได้ดีกว่านั่นเอง ซึ่งการเก็งกำไรก็จะแตกต่างกัน โดยเฉพาะมือใหม่ที่ต้องการลงทุนในตลาดเงินอย่าง
BTC USDที่ต้องเทรดและทำกำไรภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะการขึ้นลงเพียง0.01 ก็สามารถทำให้ได้กำไรและขาดทุนได้ภายในระยะเวลาเดียวกันได้

ในขณะที่Time Frame ที่ใหญ่กว่าจะสามารถมองเห็น Trend หรือทิศทางของราคาว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลงได้ชัดเจนกว่า นักลงทุนจะต้องพิจารณาและเลือก Time Frame ให้เหมาะสมกับการซื้อขายหุ้นด้วยตนเอง

 

การวิเคราะห์กราฟออนไลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างการซื้อขายหุ้น ตลาดเงินและ BTC

ที่มาของรูป : เว็บไซต์ผู้ให้บริการกราฟออนไลน์ฟรี https://th.tradingview.com/

การดูแค่กราฟแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวอาจไม่สมบูรณ์แบบเท่าไรนัก โดยเฉพาะจุดที่จะใช้ในการตัดสินใจซื้อ-ขาย ค่าเงิน เหล่านั้น โดยจะแนะนำเครื่องมือง่ายๆ ที่จะช่วยให้นักลงทุนมือใหม่ตัดสินใจได้เอง นั่นก็คือเส้นเทรนไลน์ การลากเส้น เทรนไลน์ คือการลากเส้นเพื่อเชื่อมจุดสัมผัสอย่างน้อย 2 จุดขึ้นไปหากเป็นไปได้ควรลากให้ได้ 3-4 จุดซึ่งจะมีนัยยะของความสำคัญมากยิ่งขึ้นแต่อย่างน้อยจะต้องมีให้ได้ 2 จุดโดยเส้น
เทรนไลน์ดังกล่าวสามารถเลือกใช้ได้ในโปรแกรมวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคได้ทั่วไป เส้นเทรนไลน์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ

  • เส้นเทรนไลน์ขาขึ้นหรือUpTrend Lineให้เลือกจุดต่ำสุด 2 ชุดที่อยู่ใกล้กันโดยลากออกไปจากจุดต่ำสุดแรกซ้ายมือไปด้านขวาโดยจะต้องเป็นราคาของจุดต่ำสุดที่ใกล้เคียงกันและจุดต่ำสุดที่ 2 จะต้องสูงกว่าจุดแรกเสมอ
  • เส้นเทรนไลน์ขาลงหรือ Down Trend Line ให้เลือกจุดสูงสุด 2 จุดเชื่อมต่อกันโดยเป็นการลากจากซ้ายไปขวา โดยให้จุดสูงสุดที่ 1 ลากมาจุดสูงสุดที่ 2 หรือใกล้ราคาปัจจุบันมากที่สุดโดยจุดสูงสุดที่ 2 นี้จะต้องต่ำกว่าจุดสูงสุดแรกเสมอ

การลากเส้นเทรนไลน์นอกจากจะเป็นการบอกแนวโน้มของขาขึ้นและขาลงแล้วยังสามารถใช้บอกแนวรับแนวต้านของหุ้นหรือค่าเงินนั้นๆ และยังสามารถใช้บอกการซื้อขายหุ้นที่เหมาะสมให้กับนักลงทุนได้อีกด้วย

 

โดยเฉพาะเมื่อแท่งเทียนราคาสามารถที่จะเบรก หรือวิ่งผ่านทะลุเส้นเทรนไลน์ขาลงนั่นหมายถึงสัญญาณการเข้าซื้อเพราะหุ้นกำลังจะเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้นในขณะที่หากราคาวิ่งย้อนกลับลงมาผ่านเส้นเทรนไลน์ขาขึ้นนั่นหมายถึงสัญญาณการขายเพราะหุ้นกำลังจะเปลี่ยนทิศทางเป็นแนวโน้มขาลงนั่นเอง

Volume แรงซื้อแรงขาย ส่งผลโดยตรงต่อการขึ้นลงของราคา

อีกหนึ่งอินดิเคเตอร์ที่อยากแนะนำและมีผลต่อการขึ้นลงของราคาอย่างแท้จริงนั่นคือแรงซื้อแรงขายหรือ Volume เพราะราคาสินค้าจะสามารถขึ้นหรือลงได้นั้นจะมีความต้องการซื้อ ความต้องการขายเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะถ้าสินค้านั้นๆ ไม่มีแรงซื้อเข้ามาก็อาจทำให้เกิดแรงขายก็เป็นได้ ในขณะที่ตรงข้ามกันหาก
แรงขายหมดอาจมีแรงซื้อเข้ามาในสินค้านั้นด้วยเช่นกัน ซึ่งสินค้าที่จะทำการเทรดนั้นจะต้องอยู่ในเทรนที่เป็นความคาดหวังของคนจำนวนมากด้วย

 

การวิเคราะห์กราฟออนไลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างการซื้อขายหุ้น ตลาดเงินและ BTC

ที่มาของรูป : เว็บไซต์ผู้ให้บริการกราฟออนไลน์ฟรี https://th.tradingview.com/

จะเห็นว่าในเทรนขาขึ้นตลาดเงิน ราคาจะไม่หลุดลงมาต่ำกว่าเส้นเทรนไลน์ ซึ่งจะใช้ดูในกรณีที่สินค้าเป็นขาขึ้นและคอยเฝ้าระวังเมื่อราคาหลุดต่ำกว่าเส้นเทรนไลน์ ในจุดนี้จะเป็นจังหวะในการขายออกเพื่อทำกำไรหรือบางคนสามารถใช้เป็นเส้นแนวรับ เมื่อราคาลงมาในจุดที่คาดว่าจะรับอยู่ ในขณะที่เทรนขาลงราคา
จะไม่สามารถยืนหรือวิ่งขึ้นเหนือเส้นเทรนไลน์ขาลงได้ นักเทคนิคบางคนจะใช้เป็นแนวต้านและใช้เป็นจุดเข้าซื้อด้วย(ลูกศรสีเขียว) เมื่อราคาสามารถทะลุผ่านเส้นเทรนไลน์ขาลงได้ นั่นแสดงว่าใกล้ที่จะจบขาลงแล้วนั่นเอง

ตราสารยอดนิยมและความผันผวนในXAU USD

เหตุใดจึงกล่าวว่า XAU และ USD เป็นตราสารยอดนิยมและมีความผันผวนสูง เพราะ XAU คือทองคำที่เป็นทรัพย์สินประเทศทั่วโลกต่างต้องการถือครอง เพราะนั่นหมายถึงความเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศ ยิ่งมีปริมาณมากเท่าไรยิ่งมีความมั่นคงทางด้านการเงินมากเท่านั้น จึงมีการเก็งกำไรและซื้อเก็บไว้ด้วยกองทุนทองคำระดับโลกรวมไปถึงแต่ละประเทศที่ต่างต้องการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงทางการเงินเอาไว้ แต่เนื่องจากการซื้อขายทองคำโลกจะต้องใช้สกุลเงินหลักของโลกหนึ่งในนั้นคือ USD เมื่อนำมารวมกันจึงกลายเป็น XAU USD หรือราคาทองคำต่อดอลลาร์ที่ทุกคนรู้จักกันในนามของ spot gold นั่นเอง เมื่อสองสิ่งที่มีความต้องการสะสมไว้ในแต่ละประเทศ จึงเกิดการซื้อขายในตลาดโลกอยู่ตลอดเวลา จึงมีความผันผวนสูงและมีช่องว่างให้นักเก็งกำไรได้ทำกำไรกันนั่นเอง วิธีการสังเกตในเรื่องของการแปรผันกันระหว่าง XAU กับ USD คือเมื่อใดที่ราคาทองคำโลกปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินดอลลาร์มักอ่อนตัวลง เมื่อสามารถคาดเดาการอ่อนค่า

หรือแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ด้วยวิธีการตรวจสอบราคาทอง จึงทำให้การเก็งกำไรและซื้อขายเกิดขึ้น นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมสินทรัพย์ทั้ง 2 อย่างนี้จึงมีความผันผวนและเป็นตราสารที่ยอดนิยมนั่นเอง

สุดท้ายสำหรับการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค

สิ่งที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ของนักลงทุนคือการฝึกฝน นักลงทุนสามารถที่จะสมัครขอใช้งาน ID ทดสอบกับทางโบรกเกอร์หรืออาศัยการดูกราฟฟรีจากเว็บไซต์ผู้ให้บริการได้ หมั่นดูและพิจารณากราฟให้หลากหลายมุมมอง จะสามารถมองเห็นความแตกต่างและเครื่องมือที่ใช้เทรดอาจเหมาะกับสินค้าประเภทหนึ่งและไม่เหมาะกับอีกประเภทหนึ่งหรือแม้แต่ Time Frame ด้วย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ