"นพ.อารักษ์" เตือนผู้ป่วยเบาหวานแผลลุกลามติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่าย หากไม่อยากสูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็ต้องหันมาใส่ใจ "แผลเบาหวาน" ก่อนสายเกินไป
วันที่ 26 ก.ค. 2563 นายแพทย์อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arak Wongworachat ระบุ "แผลเบาหวาน" อย่ามองข้าม ผู้ป่วยเบาหวานต้องใส่ใจ ไม่ให้เกิดการสูญเสียอวัยวะตามมา
อ่านข่าว ดื่มน้ำน้อยต้องระวัง "หมออารักษ์" เผยภาพ "นิ่วเขากวาง" จากคนไข้วัย 78
สำหรับ ผู้ป่วยเบาหวาน อาหารการกินในแต่ละมื้อเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเอาใจใส่ เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว ในเรื่องความสะอาดของบาดแผล การตรวจฝ่าเท้า ก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากบาดแผลเกิดการลุกลามและติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่าย หากไม่อยากต้องสูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็ควรหันมาใส่ใจ "แผลเบาหวาน" ก่อนสายเกินไป
ปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ที่เกิดแผลเบาหวาน
1. ความผิดปกติของปลายประสาท เพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ระบบประสาทผิดปกติ ก่อให้เกิดภาวะเส้นประสาทเสื่อม ผู้ป่วยจึงมักมีอาการชาหรือไร้ความรู้สึกบริเวณเท้า เมื่อเกิดบาดแผลบริเวณเท้า ผู้ป่วยจึงมักไม่รู้ตัวและปล่อยให้เกิดบาดแผลลุกลาม
2. ความผิดปกติของหลอดเลือด การเกิดภาวะหลอดเลือดตีบแข็งจนเกิดอุดตัน ทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดไปเลี้ยง รวมไปถึงการเกิดบาดแผลเรื้อรัง เนื่องจากเลือดไม่สามารถไหลเวียนมาหล่อเลี้ยงได้เพียงพอ การสมานแผลจึงเป็นไปได้ยาก และมักพบมากที่บริเวณปลายนิ้วเท้าหรือส้นเท้า
3. ภาวะการติดเชื้อได้ง่าย บาดแผลของผู้ป่วยเบาหวานมักเกิดการติดเชื้อร่วมด้วย โดยเฉพาะบริเวณเท้าที่สัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย ซึ่งมีผลกระทบมาจากการสมานแผลช้า เพราะเนื้อเยื่อขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง ทำให้แผลเกิดอักเสบลุกลาม และอาจร้ายแรงถึงขั้นต้องตัดอวัยวะส่วนนั้นๆตามมาในที่สุด
เรายังพบผู้ป่วยที่มีแผลเบาหวานเรื้อรังจนเน่าอยู่เป็นประจำ
สิ่งสำคัญที่ต้องปฏิบัติ
- คุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ติดตามการรักษา
- เอาใจใส่เรื่องอาหาร
- หมั่นออกกำลังการที่เหมาะสม
- อย่าเดินเท้าเปล่า สำรวจตรวจฝ่าเท้าสม่ำเสมอ
- มีอาการผิดปกติรีบพบแพทย์
- อย่าหลงเชื่อการใช้ยาสมุนไพรควบคุมเบาหวาน จนทิ้งการรักษาตามมาตรฐาน (เจอบ่อยๆ)
แผลเบาหวานและการดูแลเท้า อ่านเพิ่มเติม
https://www.si.mahidol.ac.th/sidoct…/e-pl/articledetail.asp…
ข่าวที่เกี่ยวข้อง