ข่าว

"พระพยอม" ยังไม่รื้อที่ดิน "โฉนดถุงกล้วยแขก" รอคำสั่งบังคับคดี พร้อมรื้อออกวันสุดท้าย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"พระพยอม" ยังไม่รื้อที่ดิน "โฉนดถุงกล้วยแขก" รอคำสั่งบังคับคดี พร้อมรื้อออกวันสุดท้าย ย้ำ ไม่ฟ้องร้องใครกลับ เพราะไม่อยากมีเวรกรรม มองที่ดินดังกล่าวแม้จะเป็นทำเลทอง แต่ทำกินไม่ขึ้น

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว บอกถึงกรณีการเตรียมรื้อที่ดินข้อพิพาท หรือที่เรียกกันว่า "โฉนดถุงกล้วยแขก" หลังได้รับจดหมายเตือนจากคู่ความฝ่ายชนะคดี นายพันธ์ทอง หิรัญประดิษฐ์ ที่เป็นโจทก์ในคดีฟ้องเรียกคืนที่ดินคืน จำนวนไร่ 1 งาน 55 ตร.ว. ซึ่งเป็นทายาทเจ้าของที่ดินเดิม ที่ถูกนางวันทนา สุขสำเริง นำมาขายให้กับมูลนิธิวัดสวนแก้ว มูลค่า10ล้านบาท ว่า ขณะนี้ ยังไม่ดำเนินการรื้อถอน จะรอหมายศาลให้มีคำสั่งมาปิดเพื่อบังคับคดีก่อน จึงจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งของออก และจะดำเนินการในวันสุดท้ายตามที่มีระยะเวลากำหนดออกมา เนื่องจากที่ผ่านมา หลวงพ่อรอมา2ปี 7เดือน และตอนนี้มีแค่จดหมายขู่มาอย่างเดียว และมากั้นรั้วไว้เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ที่ดินบริเวณดังกล่าว ก็ไม่ได้ใช้งานอะไร มีแค่คนไปอาศัยนอนอยู่ครอบครัวเดียวเท่านั้นและแม้กฎหมายอาจไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน แต่กฎแห่งกรรมศักดิ์สิทธิ์เสมอ 

พระพยอมยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการอวสานวัดสวนแก้ว เพราะเป็นเพียงที่ดินไร่เดียวจาก210ไร่ของวัด และไม่คิดจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับใคร เพราะไม่อยากมีเวรมีกรรม รวมถึงนางวันทนา สุขสำเริง ผู้ขายที่ให้พระพะยอมขณะนั้นด้วย เพราะนางวันทนาก็หมดตัวไม่มีเหลืออะไรเลย แต่กลับน่าสงสาร
  
ทั้งนี้พระพยอมแค่ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมทนายความคนแต่งเรื่อง เจ้าหน้าที่ผู้ออกโฉนด คนปั๊มโฉนด คนนำมาขาย ถึงไม่มีใครผิด  ที่ดินแค่นี้ แต่เรามีปัญญาซื้อได้ตั้งสามพันไร่ เราจะมาโง่ เสียผู้เสียคนกับที่ดินไร่กว่าทำไม” พระพยอมกล่าว

สำหรับที่ดินที่เป็นข้อพิพาท พระพยอม บอกว่า เนื่องจากทำเลอยู่ติดถนนใหญ่เป็นทำเลทอง จึงมีความตั้งใจเดิมว่าจะทำเป็นตลาดขายย่อยๆ ให้กับคนไม่มีที่ทำกิน ถ้าไม่มีที่ทำกินจะให้เข้ามาขายของ แบ่งเป็นล็อคๆขาย และจะทำสะพานข้ามด้วย
  
ส่วนคู่ความที่ฟ้องร้องคดี จะต้องการเอาที่ดินตรงนั้นไปทำอะไรต่อ หลวงพ่อไม่สามารถทราบได้ แต่มองว่า ที่ดินดังกล่าวก็คงทำมาหากินไม่ขึ้นแล้ว เพราะเคยมีปัญหาที่เป็นกรณีธรณีของสงฆ์ และที่ต้องการนำที่ดินคืนไปก็คงเพราะความอยากได้อยากมี และไม่มีการเจรจาคดีใดๆอีก เจอกันเฉพาะบนศาลเท่านั้น และคู่ความก็มีท่าทีแข็งกร้าว ไม่ผ่อนปรน และที่หลวงพ่อยอมแพ้ เพราะสู้คดีไม่ได้แล้ว เนื่องจากคนขายให้ต่อ คือ นางวันทนา ยอมเซ็นต์ให้เป็นพื้นที่เช่า

พระพยอม เล่าอีกว่า วันนี้ออกไปบิณฑบาตร มีประชาชน เข้ามาแสดงความเห็นใจ และให้กำลังใจ บอกให้หลวงพ่อสู้ๆกันจำนวนมาก

นายประไพ  ติงสะ เป็นคนงานในวัดสวนแก้ว ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณที่ดินพิพาท  เล่าว่า อยู่อาศัยที่นี้มานานกว่า 10ปี ซึ่งหลวงพ่อพระพยอมให้ทำงานให้กับวัดและอาศัยอยู่ และยังรอหลวงพ่อบอกจึงค่อยย้ายออก ยอมรับว่า รู้สึกเสียใจและผิดหวังกับการตัดสินคดี เพราะหากที่ดินเป็นของวัดจะทำประโยชน์และสร้างอาชีพช่วยเหลือคนยากไร้ได้อีกจำนวนมาก
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ