ข่าว

จับอีกราย อ้าง "ร.ต.อ." หลอกขายหน้ากากอนามัย เชิดเงินไปกว่า 1 ล.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจรวบอีก 1 สาวแสบฉวยโอกาสวิกฤติโควิด-19 หลอกขายหน้ากากอนามัย เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินซื้อเพียบ เสียหายกว่า 1 ล้านบาท ขณะที่อีกคดีจับผู้ต้องหา

 

                 วันนี้ (23 เมษายน 2563) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมตำรวจ สตม. ได้ร่วมกันแถลงผลจับกุมผู้แอบอ้างเป็นตำรวจ ยศ "ร้อยตำรวจเอก" หลอกขายหน้ากากอนามัย สร้างมูลค่าความเสียหายกว่า 1.46 ล้านบาท และจับกุมผู้ต้องหากักตุนและขายหน้ากากอนามัยเกินราคาอีกหลายคดี

                 อ่านข่าว ผบช.น. สั่งเด้ง "5 เสือบางชัน" เซ่นพิษจับบ่อนเสือ-มังกร

 

 

 

                 พล.ต.ท.สมพงษ์ เปิดเผยว่า การจับกุมผู้ต้องหาคดีอ้างตนเป็นร้อยตำรวจเอกขายหน้ากากอนามัยหลอกลวงผู้เสียหาย 1.46 ล้านบาท ได้มีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ว่าถูกหลอกขายหน้ากากอนามัย โดยผู้เสียหายให้ข้อมูลว่าได้สั่งซื้อสินค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ เนื่องจากเห็นภาพโปรไฟล์เป็นรูปตำรวจและใช้ชื่อว่า "ผู้กองเมษฐ์" ซึ่งน่าเชื่อถือจึงสั่งซื้อหน้ากากอนามัยพร้อมโอนเงิน

 

 

จับอีกราย อ้าง "ร.ต.อ." หลอกขายหน้ากากอนามัย เชิดเงินไปกว่า 1 ล.

 

 

                 หลังจากนั้นติดต่อเพื่อรับสินค้าแต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ ตำรวจจึงทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดจากเลขบัญชีธนาคารจนการไล่กล้องวงจรปิดกระทั่งทราบว่ามีผู้กระทำผิด 2 คน คือ นายธรณิศร หรือ เชน อายุ 25 ปี และนางศิระกาญจน์ หรือ เบิร์ด อายุ 38 ปี จากนั้นได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ กระทั่งจับกุมผู้ต้องหาได้

 

 

จับอีกราย อ้าง "ร.ต.อ." หลอกขายหน้ากากอนามัย เชิดเงินไปกว่า 1 ล.

 

 

                 โดยนายธรณิศร ทำหน้าที่เป็นผู้หลอกขายหน้ากากอนามัย ส่วนนางศิระกาญจน์ เป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร ที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้า ทั้งนี้ผู้ต้องหารับสารภาพว่านำรูปถ่ายของตำรวจมาใช้สร้างเฟซบุ๊กขายหน้ากากอนามัย แล้วหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินมา ก่อนจะดำเนินการกดเงินออกมาใช้ บางส่วนนำไปเล่นการพนัน เที่ยวเตร่ โดยได้ทำมาแล้ว 8 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1.46 ล้านบาท ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น

 

 

จับอีกราย อ้าง "ร.ต.อ." หลอกขายหน้ากากอนามัย เชิดเงินไปกว่า 1 ล.

 

 

 

 

 

                 นอกจากนี้ ตำรวจยังสามารถจับกุมนายณรงค์เดช ผู้ต้องหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคา โดยตำรวจได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหาย จึงได้ให้สายลับทำการล่อซื้อหน้ากากอนามัย 100 กล่อง ในราคากล่องละ 550 บาท รวมเป็นเงิน 55,000 บาท แล้วนัดรับสินค้าพร้อมจ่ายเงิน ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม พบหน้ากากอนามัยของกลางอีก 19 กล่อง รวมเป็น 119 กล่อง จำนวน 5,950 ชิ้น จึงแจ้งให้กรมการค้าภายในตรวจสอบหน้ากากอนามัยของกลาง พบว่าหน้ากากอนามัยที่ทำการตรวจยึดเป็นสินค้านำเข้ามาจากประเทศจีน และมีการจำหน่ายในราคาที่สูงความจริง เนื่องจากหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หากนำไปเทียบเคียงประเภทเดียวกันจะจำหน่ายในราคา 132 บาทต่อกล่อง รวมถึงหน้ากากอนามัยไม่ได้มีการยื่นแบบแจ้งราคาจำหน่ายต่อเลขาคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการอีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาขายหน้ากากอนามัยเกินราคา และส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย

 

 

จับอีกราย อ้าง "ร.ต.อ." หลอกขายหน้ากากอนามัย เชิดเงินไปกว่า 1 ล.

 

 

                 อีกคดี ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้จับกุม นายมนต์ชัย พร้อมพวกรวม 3 คน ขณะกำลังจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาบริเวณสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช พร้อมยึดของกลาง 403 ชิ้น ก่อนขยายผลจนทราบว่ารับซื้อมาจากชาวกัมพูชาที่ลักลอบนำเข้ามากักตุนไว้บริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้ว และนำเข้ามาจำหน่ายที่ตลาดสำเพ็ง ย่านเยาวราช สามารถจับกุมนายลี่ และนายกุย ชาวกัมพูชาได้พร้อมหน้ากากอนามัย จำนวน 2,500 ชิ้น จากนั้นได้ขยายผลต่อจับกุม น.ส.นานู ซึ่งได้ขายหน้ากากอนามัยในราคากล่องละ 720 บาท โดยให้โอนเงินจ่ายทางบัญชีธนาคาร และจะมีการส่งของให้ทางพัสดุไปรษณีย์ โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักใน ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมของกลางหน้ากากอนามัย 300 ชิ้น

 

 

จับอีกราย อ้าง "ร.ต.อ." หลอกขายหน้ากากอนามัย เชิดเงินไปกว่า 1 ล.

 

 

                 นอกจากนี้ทางตำรวจ กก.4 บก.สส.สตม. ได้จับกุม นางสุวันนา อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาที่หลอกขายหน้ากากอนามัยผ่านเฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อเพจ "อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับ" โพสต์จำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคากล่องละ 480 บาท ซึ่งมีราคาถูกกว่าท้องตลาด จึงมีประชาชนจำนวนมากสนใจหลงเชื่อสั่งซื้อ แต่กลับไม่ได้ของตามที่ตกลง มีผู้เสียหายกว่า 100 ราย ราคาความเสียหายไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท ตำรวจจึงดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ก่อนส่งให้พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เจ้าของคดีดำเนินคดีต่อไป

 

 

จับอีกราย อ้าง "ร.ต.อ." หลอกขายหน้ากากอนามัย เชิดเงินไปกว่า 1 ล.

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ