ข่าว

เผยความคืบหน้าการวิจัยทดลองวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายในจีน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของจีนในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ส่งผลให้มีการเริ่มทดลองทางคลินิกของวัคซีนสองชนิดเชื้อตาย 2 ตัวแล้ว

 

               เมื่อวันจันทร์ (20 เมษายน 2563) จางอวิ๋นเทา รองประธานบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติจีน (CNBG) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทกลุ่มเภสัชกรรมแห่งชาติจีน หรือ ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) และเป็นบริษัทที่พัฒนาวัคซีน 1 ใน 2 ตัวข้างต้น กล่าวว่า ทางบริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบสภาพร่างกายของผู้รับวัคซีนอย่างใกล้ชิด ผ่านการวิเคราะห์ทางภูมิคุ้มกันวิทยา การตรวจจับไซโตไคน์ และการตรวจสอบแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ (Neutralizing antibody)

อ่านข่าว - "ดิสนีย์" พักงานลูกจ้างกว่า 1 แสนคน เซ่นพิษไวรัสโรคโควิด-19

 

               การทดลองทางคลินิกซึ่งเริ่มในวันที่ 12 เมษายน 2563 จะดำเนินการกับอาสาสมัคร 288 คน ในระยะแรก และกับอาสาสมัคร 1,108 คน ในระยะที่สอง ซึ่งอาสาสมัครทั้งหมดล้วนมีสุขภาพแข็งแรงและมีอายุมากกว่า 6 ปี

               อาสาสมัครดังกล่าวถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ผู้ที่ได้รับวัคซีนในปริมาณต่ำ , กลาง , สูง และ ผู้ได้รับยาหลอก

               วัคซีนชนิดเชื้อตายที่ใช้ไวรัสที่ตายแล้วในการปลูกถ่ายหน่วยความจำของเซลล์ภูมิคุ้มกัน คาดว่าจะทำให้เมื่อผู้ได้รับวัคซีนถูกโจมตีด้วยไวรัสที่ยังมีชีวิตอยู่ จะเกิดปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ซึ่งวัคซีนดังกล่าวมีข้อได้เปรียบ ได้แก่ กระบวนการผลิตวัคซีนที่ผ่านการพัฒนามาแล้ว มาตรฐานด้านคุณภาพที่ควบคุมได้ และช่วงการป้องกันที่หลากหลาย

 

 

 

               หยางเสี่ยวหมิง ประธานบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติจีน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจีน ว่า การพัฒนาวัคซีนดังกล่าวมีกระบวนการที่ยุ่งยากหลายอย่าง

               หลังจากแยกสายพันธุ์ไวรัสของโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ บรรดานักวิจัยต้องทดสอบว่าสายพันธุ์นั้นเหมาะสมแก่การผลิตวัคซีนหรือไม่ เนื่องจากอาจมีความเป็นพิษและมีความสามารถในการสืบพันธุ์ที่แตกต่างกัน

               คณะนักวิจัยได้ทำการตรวจสอบและคัดเลือกสายพันธุ์ของไวรัสที่เหมาะสมแก่การผลิตวัคซีนต้นแบบมาเก็บไว้ในธนาคารไวรัส จากนั้นพวกเขาจึงเพาะเลี้ยงพวกมันในเซลล์วีโร (Vero) เพื่อรักษาไวรัสสายพันธุ์ที่เลือกไว้ให้ยังมีชีวิตอยู่และมีเสถียรภาพ

               “กระบวนการเหล่านี้ต้องดำเนินการในห้องปฏิบัติการทางชีวภาพที่มีความปลอดภัยสูง” หยาง กล่าว

 

 

 

               ขณะเดียวกัน นักวิจัยยังได้แสวงหาวิธีการทำให้เชื้อไวรัสหมดฤทธิ์ และการทำให้บริสุทธิ์ปลอดจากสารอื่น สูตรต่างๆ และปริมาณวัคซีน อันเป็นกุญแจสำคัญสู่ความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนด้วย

               ทีมวิจัยใช้ลิง 2 ชนิด , หนู 3 ชนิด , กระต่าย และหนูตะเภา เพื่อทดสอบการโจมตีของไวรัสก่อนการทดลองทางคลินิก

               จากประสบการณ์ในการพัฒนาวัคซีนโรคซาร์สก่อนหน้านี้ ซิโนวัค (Sinovac) บริษัทผู้พัฒนาวัคซีน 1 ใน 2 ตัวข้างต้น ได้ร่วมมือกับสถาบันต่างๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน และสถาบันห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สัตว์ สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์การแพทย์จีน

               "นับตั้งแต่การเปิดตัวโครงการวัคซีนเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 บริษัทได้ส่งนักวิจัยไปยังห้องปฏิบัติการพี 3 (P3) ซึ่งเป็นห้องที่สามารถกักเก็บเชื้อไวรัสได้ในมณฑลเจ้อเจียงและกรุงปักกิ่ง เพื่อดำเนินการคัดกรองอย่างเข้มข้นและพัฒนาวิธีเตรียมวัคซีน บรรดานักวิจัยต่างทำงานแข่งกับเวลาเพื่อเร่งศึกษาวัคซีนให้เสร็จสิ้นก่อนการทดลองทางคลินิก" อิ่นเว่ยตง ซีอีโอของซิโนวัค กล่าวในงานแถลงข่าว

 

 

 

               หวัง จวิ้นจือ นักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติจีน กล่าวว่า วัคซีนที่เข้าสู่การทดลองทางคลินิกนั้นมีความก้าวหน้าที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม การจำหน่ายวัคซีนเหล่านี้ออกสู่ตลาดยังต้องใช้เวลาอีกนาน เนื่องจากการทดลองทางคลินิกในระยะที่สามอาจต้องทดลองในคนจำนวนหลายพันคนเสียก่อนเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพให้มั่นใจ

               “แม้ในยามวิกฤติเช่นนี้ จีนก็ไม่อาจลดเกณฑ์การประเมินด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนระหว่างกระบวนการทดลองได้” หวัง กล่าว

 

--------------------

ที่มา : xinhuathai.com

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ