อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร โผล่วางหรีดดำให้รมช.เกษตรฯ และคณะกรรมการวัตถุอันตราย แบน 3 สารไร้มาตรการรองรับ
24 ตุลาคม 2562 นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำพวงหรีดสีดำ มาวางที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริเวณรูปหล่อพระพิรุณทรงนาค จำนวน 4 พวง เพื่อไว้อาลัย ต่อ มติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ มีมติให้มีการแบน 3 เคมี
โดยกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติให้แบนสารเคมี 3 สาร และเห็นว่าเป็นการพิจารณาโดยยึดอำนาจเป็นหลัก และไม่พิจารณาข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ จึงเป็นห่วงว่าประเทศไทยภาคอุตสาหกรรมอาจจะล่มสลายเหมือนกับกรณีฝ้ายและมะละกอ ที่ไม่สามารถต้านทานโรคได้ รู้สึกผิดหวังกับมติแบน 3 สารเพราะขาดความรอบคอบและไม่มีมาตรการรองรับชัดเจน
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่าการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตรายในครั้งนี้ ไม่ได้ยึดหลักวิชาการเพราะก่อนหน้าคณะอนุกรรมการศึกษาชุดของดร.ภักดี โพธิศิริ อดีตเลขาธิการองค์การอาหารและยาเป็นประธานก็ยังไม่สรุปว่า 3 สารเคมีผลกระทบต่อคนและสิ่งแวดล้อมซึ่งกรรมการวัตถุอันตรายก็ไม่นำมาพิจารณา
ข้อมูลที่นำไปพิจรณาในที่ประชุมนั้น ไม่เป็นไปตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่มีคำสั่งให้กระทรวงเกษตรไปประชุม กับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด รอบด้านทั้ง 4 ที่มีส่วน ได้เสีย
โดยก่อนหน้านี้ ในประประชุม คณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่มีนางสาว มนัญญา ไทยเศรษฐ รมช. เกษตรฯ เป็นประธาน ที่ นำเป็นของมูลไปให้คณะกรรมการ ประกอบในการพิจารณา ขาดความรอบคอบไม่ถูกต้องเนื่องจากคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เป็นคำสั่งที่ให้มีการพิจารณารอบด้านซึ่งต้องมีการทำประชาพิจารณ์จากผู้มีส่วนได้เสีย โดยเฉพาะผู้บริโภค และเกษตรกรที่ใช้จริง ซึ่งการประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่กี่ชั่วโมงทั้งที่มีคำสั่งชัดเจน ให้มีการประชุมที่รอบด้าน เพื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อชี้ขาดจากมติที่เกิดขึ้นที่มีการพิจารณาจากข้อมูลที่ไม่รอบด้าน จึงเชื่อว่าน่าจะทำให้เกิดปัญาต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ วัตถุอันตราย ที่มีนายภานุวัฒน์ ตริยางกรูศรี รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน ก็ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก เนื่องจากปกติ ในการลงคะแนน ประธานเต้องไม่ลงคะแนนเพื่อให้เป็นกลาง แต่จะลงเพื่อชี้ขาดกรณี ที่เสียงเท่ากันเท่านั้น แต่การประชุมคณะกรรมการ ที่มีมติในการแบนสารเคมีที่เกิดขึ้น ประธาน มีการลงคะแนนเสียง และมีความพยายาม ที่เป็นตัวชี้นำในการให้เกิดการแบน3 สาร ด้วยทั้งที่ข้อมูลประกอบในการพิจารณาที่ไม่รอบคอบรอบด้าน ผิดหลักธรรมมาภิบาลชัดเจน
จากนี้ไป ส่วนตนคิดว่าทางกลุ่มเกษตรกรที่คัดค้านการแบน 3 สาร คงเดินหน้าคัดค้านการแบนโดยคงต้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป คงเป็นเรื่องหนักของกรมวิชาการเกษตรด้วย ที่จะต้องไปอายัดสารคมีที่ถูกสั่งแบนทั้งหมด เพื่อทำลาย ซึ่งค่าทำลาย น่าจะมากกว่า1,000 ล้านบาท และตนไม่มั่นใจว่า จะต้องจ่ายค่าชดเชย ให้กับพ่อค้าที่ได้รับใบอนุญาตในการจำหน่ายและนำเข้าเพราะเขาไม่ได้ผิดอะไร ต้องรอดูว่าทางภาครัฐจะดำเนินการอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายอดิศักดิ์ ถือเป็นข้าราชการกระทรวงเกษตรที่ต่อต้านความไม่ยุติธรรม โดยเคยโกนหัว ต่อต้าน นายบรรพต หงษ์ทอง ที่ย้ายข้ามห้วยจากกระทรวงพาณิชย์ เป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯ
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีนายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน ได้หารือกันอย่างกว้างขวาง ก่อนจะลงมติยกเลิกทั้ง 3 สาร นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ พิจารณาในรายละเอียด อาจมีผลกระทบต่อการยกเลิก เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น 2 - 3 เท่า จึงได้มอบหมาย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปพิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น พร้อมวางกรอบในการจ่ายค่าชดเชย
นอกจากนี้ยังมีการถกเถียงทางด้านวิชาการถึงสารเคมีที่เกษตรกรจะจัดหาเพื่อนำมาทดแทนสารทั้ง 3 ชนิดว่ามีอันตรายหรือไม่ โดยเห็นว่าจากนี้ไปหากมีสารชนิดใดที่ส่อไปในทางสารเคมีที่มีอันตราย หากมีการนำมาใช้กรมวิชาการเกษตร ต้องศึกษาอย่างละเอียด ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูเรื่องสารเคมี หากมีอันตรายต่อสุขภาพ ต้องยกเลิกสารเคมีตัวนั้นต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง