
ชูวิทย์ เหน็บ กินปูนร้อนท้อง อสส.เต้นแจงกำพลหลุดคดีวิคตอเรีย
ชูวิทย์โต้ทันที ! ..กินปูนร้อนท้อง? เหน็บอัยการต้องใช้ดุลยพินิจทางกฎหมายเพื่อเป็นคุณต่อแผ่นดินอย่างเป็นธรรม ไม่ช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
24 กันยายน 2562 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังก่อนหน้านี้ได้ โพสต์เกี่ยวกับ คดีอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ที่ผู้เกี่ยวข้องหลุดคดี จากนั้น สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่าอสส.ไม่มีเอี่ยว ช่วยเหลือคดี”เสี่ยกำพล”
โดยนายชูวิทย์ระบุว่า กินปูนร้อนท้อง?
โต้’ชูวิทย์’ยัน’วงศ์สกุล’ว่าที่อสส.ไม่มีเอี่ยวช่วยคดี’เสี่ยกำพล’ค้ามนุษย์’วิคตอเรีย’
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_1682880
ผมขอตั้งข้อสงสัยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และสังคม แทนประชาชนดังนี้
1. คดีที่อยู่ในความสนใจจับจ้องของสังคม เช่น คดีค้ามนุษย์ ศาลที่พิพากษาเป็นเพียงศาลชั้นต้น ยังมิได้สิ้นสุดกระบวนการของกฎหมาย อีกทั้งเป็นคนละคดีกัน และจำเลยเป็นคนละกลุ่มกัน สามารถนำคำพิพากษาศาลชั้นต้นอีกคดี มาใช้อ้างอิงเพื่อขอถอนหมายจับผู้ต้องหาอีกคดีได้หรือไม่?
2. คำสั่งถอนหมายจับ ที่ผู้ต้องหาเป็นจำเลยในอีกคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน เป็น “ผู้หลบหนีหมายจับ” ในระหว่างดำเนินคดี
ผู้ต้องหาที่หลบหนีสามารถยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ในขณะหลบหนีหมายจับไปต่างประเทศอยู่ ได้หรือไม่?
3. มีการตัดทอนคำพิพากษาของคดีที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นเพียงบางส่วน เพื่อนำมาเป็นประโยชน์ในการพิจารณาถอนหมายจับ ให้แก่ผู้หลบหนีในอีกคดีได้หรือไม่?
4. นายกำพลเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงิน มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 3,000 ล้าน ย่อมส่งผลถึง การที่ให้พนักงานระดับล่าง (เชียร์แขก) รับสมอ้างเพื่อให้ระดับสั่งการรอด (นายกำพล และนางนิภา) มีอัยการที่เห็นต่างในคดี ต้องการยื่นอุทธรณ์
และเพื่อให้โอกาสในการพิสูจน์ข้อกล่าวหา สมควรให้ผู้หลบหนีคดีมามอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการของศาล ก่อนตัดตอนถอนหมายจับ หรือไม่?
เพราะการถอนหมายจับบางคนในกลุ่มเจ้าของ ย่อมเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสาธารณชน
โดยเฉพาะการเอาคดีอาญาที่แม้มีข้อเท็จจริงเดียวกัน ย่อมไม่อาจมีผู้ใดกล่าวอ้างนำเอาข้อเท็จจริงในคดีอาญาก่อนหน้า มาใช้เป็นบทตัดสำนวนในคดีอาญาที่กำลังพิจารณาอยู่ได้ ศาลต้องเปิดโอกาสให้มีการนำสืบข้อเท็จจริงด้วยพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของจำเลย
ทั้งนี้เพราะว่าคำพิพากษาในคดีก่อน ย่อมมีสถานะเป็นเพียงพยานบอกเล่า
แต่ไฉนท่านอัยการจึงไปตัดสินด้วยตัวเองในการถอนหมายจับ?
5. นายรณสิทธิ์ มูลนิธิเอ็นเวเดอร์ ยืนยันพร้อมยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ภายในอาทิตย์นี้ เพื่อร้องว่าคำให้การของตัวเองถูกตัดทอน แล้วไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อนายกำพล และนางนิภา ในการถอนหมายจับ
การใช้ดุลยพินิจทางกฎหมายของอัยการย่อมต้องตีความเพื่อเป็นคุณต่อแผ่นดินอย่างเป็นธรรม ไม่ช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ยิ่งหากเป็นคดีค้ามนุษย์ที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ยิ่งต้องระมัดระวังในการใช้ดุลยพินิจให้เป็นประโยชน์กับสังคม
ผมจะถือโอกาสร่วมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม และเผยแพร่ต่อประชาชนผู้มีใจบริสุทธิ์ ต่อต้านขบวนการ “ธุรกิจเพศพาณิชย์” ที่ใช้เด็กอายุ 12-13 ปีมาค้าบริการทางเพศ เพื่อเป็นประโยชน์และเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายต่อไป หากเกิดกรณีเช่นเดียวกันนี้อีก
เพราะความผิดเพี้ยนของการใช้ดุลยพินิจ คือ
คนเป็นผัวเมียอยู่กินกันมาเป็นสิบๆ ปี ใช้เงินในกระเป๋าเดียว แล้วมันจะไม่รู้เลยเชียวหรือว่า ผัวมันทำมาหากินอะไร?
อัยการยืนยันว่าผัวผิด สั่งฟ้องต่อ แต่เมียดันไม่ผิด
นี่หากผมไม่พูดขึ้นมาเสียก่อน ป่านนี้ผัวคงขึ้นเครื่องบินกลับบ้านไปแล้ว