ข่าว

ดอกโหดหนี้ท่วมปาดคอลูกเมียแทงตัวสาหัส

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผบช.น. สั่งสืบแก๊งทวงหนี้ดอกโหดปมปาดคอลูกเมียแทงตัวสาหัส

 

               เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 เม.ย. 62 ที่ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ  นางอุดม สมบุตร อายุ 48 ปี แม่เลี้ยง เดินทางมารับศพ น.ส.กิ่งแก้ว (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี , น้องฟิล์ม อายุ 1 ปี 3 เดือน และน้องใบเฟิร์น อายุ 5 ขวบ หลังจากถูก นายณัฐศักดิ์ คำเขิน หรือ นัท อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นสามีและพ่อของเด็ก ใช้มีดปาดคอทั้ง 3 คน ก่อนจะใช้อาวุธแทงตัวเองหวังฆ่าตัวตายตามแต่อาการสาหัส พักรักษาอาการที่โรงพยาบาล

 

 

 

               โดยเหตุเกิดที่บ้านพัก แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 3 วัน ที่ วัดบำเพ็ญเหนือ ย่านมีนบุรี ส่วนผลการชันสูตรพลิกศพ ระบุว่า ช็อก เสียเลือดมาก หลอดเลือดดำคอขวาฉีกขาด จากบาดแผลถูกปาด

               นางอุดม กล่าวว่า ตนเป็นแม่เลี้ยงของ น.ส.กิ่งแก้ว ผู้ตาย เลี้ยงดูมาตั้งแต่อายุสามเดือน แรกๆ ก็ได้ค่าเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่แท้จริงเดือนละ 3,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายของลูก จากนั้นก็ไม่ได้อีกเลย ตนอยากให้พ่อแม่แท้จริงมารับรู้เหตุการณ์และมากราบศพ เพราะตอนมีชีวิตอยู่พ่อแม่ก็ไม่เคยดูแล ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับปัญหาหนี้สินในครอบครัว เนื่องจากก่อนเกิดเหตุลูกสาวได้มาขอยืมเงินแต่ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดมากว่าเป็นหนี้ใครจำนวนเท่าไหร่ และก่อนเกิดเหตุวันที่ 24 เม.ย. ได้มีเจ้าหนี้มาทวงเงินต้น 20,000 บาท ค่าดอกเบี้ยเงินกู้วันละ 1,000 บาท จึงได้ทราบ แต่ตนบอกว่าจะพยายามช่วยเหลือ โดยจะขอยืมเงินจากญาติ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

               “สำหรับผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นสามีและพ่อของเด็ก ตนขออโหสิกรรมให้ ไม่อยากอาฆาตแค้นกับใคร เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องฆ่าลูกฆ่าเมีย เพราะปัญหาหนี้ตัวเองเป็นคนก่อขึ้นไม่เกี่ยวกับลูกๆ เลย ซึ่งตอนนี้ทราบว่าอยู่โรงพยาบาลสามารถพูดจาได้แล้ว แต่ตนยังไม่ได้ไปเยี่ยม ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหนี้ดอกเบี้ยโหดว่าจะมีการแจ้งความเอาผิดเจ้าหนี้หรือไม่นั้น ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย” นางอุดม กล่าว

 

 

 

ดอกโหดหนี้ท่วมปาดคอลูกเมียแทงตัวสาหัส

 

 

 

ดอกโหดหนี้ท่วมปาดคอลูกเมียแทงตัวสาหัส

 

 

 

ดอกโหดหนี้ท่วมปาดคอลูกเมียแทงตัวสาหัส

 

 

 

ดอกโหดหนี้ท่วมปาดคอลูกเมียแทงตัวสาหัส

 

 

 

               ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ได้เซ็นคำสั่งบันทึกข้อความสั่งการ ที่ 0015(น1)/289 เรื่อง ขยายผลคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ สน.มีนบุรี ที่ 2/62 ถึง พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. ดูแลงานสืบสวน พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น.

               ตามแบบรายงานเหตุอุกกรรจ์ และสะเทือนขวัญ และเหตุที่ต้องรายงานด่วนของ บก.น.3 ที่ 0015.(บก.น.3)/2734 ลงวันที่ 26 เม.ย. 62 รายงานเหตุ นายณัฐศักดิ์ คำเขิน ใช้อาวุธมีดบาดคอ น.ส.กิ่งแก้ว อายุ 25 ปี ด.ญ.อายุ 5 ขวบ ด.ญ. 1 ปี 3 เดือน เสียชีวิตทั้ง 3 ราย แล้วใช้อาวุธมีดแทงตนเองจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 เม.ย. เวลา 18.00 น.

               เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเหตุความรุนแรงในครอบครัว รวมทั้งมีการกล่าวอ้างว่ามีสาเหตุมาจากปัญหาในเรื่องของหนี้นอกระบบซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหา จึงให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลว่าผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุอย่างไร มีผู้อื่นเกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนหรือไม่อย่างไร เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุของการก่อเหตุที่แท้จริง หากมีความเกี่ยวข้องกับหนี้นอกระบบให้สืบสวนจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย และรายงานผลความคืบหน้าให้ทราบทุกระยะ

 

 

 

               ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 เปิดเผยว่า นายณัฐศักดิ์ อาการปลอดภัยแล้ว โดยให้ปากคำผ่านการเขียนข้อความลงในกระดาษ จำนวน 4 แผ่น ประกอบกับพูดคุยเล็กน้อย รับสารภาพว่าลงมือทำร้ายทั้ง 3 คน จนเสียชีวิต โดยที่ทุกคนยินยอมต้องการใช้วิธีนี้เพื่อตัดสินปัญหาเรื่องเงินที่ใช้จ่ายภายในครอบครัวไม่เพียงพอ

               พล.ต.ต.สมนึก กล่าวต่อว่า ส่วนปมเหตุที่ทำให้เชื่อว่าเป็นประเด็นที่ต้องตัดสินใจก่อเหตุ ตำรวจยังไม่ยืนยันชัดเจนว่าเป็นเรื่องการกู้เงิน หรือปัญหาภายในครอบครัว แม้ว่าคำให้การผู้ก่อเหตุจะอ้างว่าเป็นปัญหาในครอบครัว แต่จะต้องรอข้อมูลพยานหลักฐานจากชุดสืบสวนมาประกอบกัน หากสาเหตุเกิดจากเงินกู้นอกระบบจริงก็จะเร่งสืบสวน ติดตามหาผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ เพราะถือเป็นนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามผู้มีอิทธิพล หรือปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมาย

               พล.ต.ต.สมนึก กล่าวต่อว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้วหลายปาก ขณะที่ผู้ก่อเหตุตำรวจได้อายัดตัว และให้เจ้าหน้าที่ดูแลเป็นพิเศษเพราะเกรงว่าอาจจะทำร้ายตัวเอง โดยพิจารณาดำเนินคดีในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” เพราะมีการเตรียมอุปกรณ์ เช่น มีดในการก่อเหตุ นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุ ยังมีอาการโศกเศร้า ช่วงบ่ายวันนี้ตนได้เรียกประชุมชุดทำคดี เพื่อสรุปหาสาเหตุครั้งนี้ให้ชัดเจนอีกครั้ง สำหรับการตรวจสอบประวัติผู้ก่อเหตุไม่พบว่าเคยต้องคดีอาญา หรือมีพฤติกรรมดื่มสุรา เป็นคนขยันทำงาน และรักครอบครัว ไม่เคยมีปัญหากับใคร

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ