ข่าว

"จตุพร" ปลุกปชช. 24 มี.ค. "พาประยุทธ์กลับบ้าน"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"จตุพร" ปราศรัยปลุกปชช. 24 มี.ค. "พาประยุทธ์กลับบ้าน" ชี้เลือกตั้งโมฆะแน่ หาก กกต.ไม่วินิจฉัย คุณสมบัติพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนวันเลือกตั้ง

           วันที่ 3 มีนาคม ที่ลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อชาติ ) จัดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกใน กทม. ภายใต้หัวข้อ “ฟื้นประเทศไทย สร้างประชาธิปไตย ก้าวไปด้วยกัน” โดยมีแกนนำพรรค เช่น นาย สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค นางลลิตา ฤกษ์สำราญ นายวิโชติ วัณโณ รองหัวหน้าพรรค น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรค นายอารี ไกรนรา ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง นายรยุศด์ บุญทัน โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง นาย ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ โฆษกนปช. นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคพช. และนาย จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง พรรคเพื่อชาติ . พร้อมผู้สมัครกทม. ทั้ง 30 เขต โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนร่วมฟังการปราศรัยกว่า 3,000 คน

"จตุพร" ปลุกปชช. 24 มี.ค. "พาประยุทธ์กลับบ้าน"

          นายจตุพร พรหมพันธุ์  ปราศรัยว่า วันนี้ตนมาขอเสียงพี่น้องให้เลือกพรรคเพื่อชาติ เพื่อเอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กลับบ้าน ในเมื่อเอาทักษิณ กลับบ้านไม่ได้แต่เอาประยุทธ์ กลับบ้านได้ สถานการณ์ปัจจุบันอยากจะสืบทอดอำนาจ แต่ไม่ยอมลาออกจากนายกฯ หัวหน้า(คสช.  มาอยู่ในบัญชีนายกฯ พอใครไปบอกว่ากฎหมายห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ตอบ แต่ให้ลิ่วล้อมาตอบว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐแต่เป็นบุคคลสาธารณะ ซึ่งบุคคลสาธารณะที่ไหนออกมาตรา 44 ได้ ออกคำสั่งได้ บริหารราชการแผ่นดินได้ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากของฝ่ายประชาธิปไตย เมื่อถึงโค้งสุดท้าย อีก 3 สัปดาห์ ก่อนการเลือกตั้ง ฝ่ายที่ต้องการสืบทอดอำนาจเขารู้ว่าถ้าไม่จัดการฝ่ายประชาธิปไตย พรรคพลังประชารัฐ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับที่สุด วันนี้จึงต้องปลุกวาทกรรมสร้างความขัดแย้งใหม่

"จตุพร" ปลุกปชช. 24 มี.ค. "พาประยุทธ์กลับบ้าน"

     “วิธีที่เขาจะทำให้มวลชนกลับมาเลือก คือการบอกว่า เสื้อแดงเผาบ้านเผ้าเมือง คนไทยจะเลือกข้างไหนระหว่างระบอบทักษิณกับประเทศไทย พอเราออกไปบอกว่าระบอบทักษิณ ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นอดีตนายกฯที่ถูกยึดอำนาจ ประเทศไทยเป็นอาณาจักร จะเอามาแข่งกันได้อย่างไร เพราะทุกคนรักประเทศไทย เลือกข้างประเทศไทยอยู่แล้ว  เขารู้ว่าการเดิมพันระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย ฝ่ายเผด็จการไม่เคยชนะฝ่ายประชาธิปไตยในการเลือกตั้งแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงรู้ตัวว่าจะแพ้อย่างราบคาบ นายสุเทพ บอกว่าเราจะเอาทักษิณหรือไม่เอาทักษิณ ทั้งที่วันนี้ทักษิณไม่ได้อยู่ประเทศไทย มา 12 ปีแล้ว วันนี้ความจริงเรื่องเดียวคือเอาประยุทธ์หรือไม่เอาประยุทธ์ เท่านั้น” นายจตุพร กล่าว

"จตุพร" ปลุกปชช. 24 มี.ค. "พาประยุทธ์กลับบ้าน"

        นายจตุพร กล่าวต่อว่า วันที่ 7 มีนาคมนี้ จะมีการตัดสินว่าจะยุบพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่ ก็ไม่รู้ว่ามีอีกกี่พรรคต้องเข้าลานประหารนี้ วันนี้จะเลือกตั้งบอกจะแก้ไขความขัดแย้ง แต่ 5 ปีที่ผ่านมา ไม่รู้เอาเวลาไปทำอะไรอยู่ แต่ละฝ่ายต้องการให้บ้านเมืองไปข้างหน้า หวังว่าเมื่อคืนอำนาจให้ประชาชนบ้านเมืองจะไปต่อได้ เพราะวันนี้ทุกฝ่ายลำบากกันไปหมด แต่มีพวกเดียวที่ไม่เดือดร้อน และเข้าใจว่านี่คือผลงาน คือบัตรคนจน เพื่อให้คนจนลืมไปว่าที่จนเพราะเผด็จการ 5 ปี บ้านเมืองจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ ขอให้คนไทยคิดช้าๆ หน้าที่ของพรรคเพื่อชาติคือทำให้คนไทยหายจน ไม่ใช่มีบัตรคนจน

       “ เรายังต้องเผชิญกับส.ว. 250 คน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปเชิญคนที่เป็นกลางทางการเมืองมากที่สุดมาเป็นประธานกรรมการสรรหา นั่นคือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำให้เป็นศึกที่ยากลำบากมาก ดังนั้น ฝ่ายประชาธิปไตยมีภารกิจคือครึ่งหนึ่งของสภาคือ 375 เสียง ส.ว.แต่งตั้ง 250 เสียง หาอีกแค่ 126 เสียง เขาก็ได้เป็นนายกฯ จึงขอให้ประชาชนตั้งเป้าให้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยต้องการ 376 เสียง เราต้องคิดอย่างเบ็ดเสร็จว่าวันที่ 24 มีนาคมนี้ ต้องเลือกฝ่ายประชาธิปไตยให้ท่วมท้น ชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเกิน 376 ที่นั่งไปเลย หากพี่น้องเลือกพรรคเพื่อชาติไม่ใช่การตัดคะแนนกัน แต่เป็นการเพิ่มคะแนนให้ฝ่ายประชาธิปไตยเดินไปถึง 376 เสียง และเราจะไม่เจอพล.อ.ประยุทธ์ อีกต่อไป ทุกวันนี้นายสุเทพ ขึ้นเวทีปราศรัยบรรยากาศเหมือนเวทีกปปส. ประกาศจะได้ 4 ล้านเสียง เอาเป็นว่าเราไม่ประมาทนายสุเทพ แต่ขอให้พวกเราชนะนายสุเทพก็พอ ดังนั้น วันที่ 24 มีนาคม ขอให้พี่น้องช่วยกันเช็คบิลเผด็จการ ทายาทเผด็จการ และสมุนเผด็จการ เมื่อปี 2554 เคยชนะอย่างไร วันที่ 24 มีนาคม ก็ขอให้ชนะอย่างนั้น ประชาธิปไตยจงเจริญ เผด็จการจงพินาศ

   “จตุพร” ชี้เลือกตั้งโมฆะแน่ หาก กกต.ไม่วินิจฉัย คุณสมบัติพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนวันเลือกตั้ง

     ทั้งนี้ นายจตุพร  ยังได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีนายสมชาย เพศประเสริฐ ลาออกจากรองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ อันเนื่องจากปัญหาภายในพรรคว่า การที่กรรมการบริหารพรรคลาออก เราต้องเคารพการตัดสินใจ ที่เหลือต่อจากนี้ ต้องยืนขึ้นให้ได้เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าในระยะเวลาที่เหลืออีกเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น ยอมรับความจริงให้ได้ ส่วนกรณีการปล่อยข่าวลือการซื้อขายลำดับส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อชาตินั้น ทุก ๆ พรรคย่อมมีความไม่พอใจในเรื่องบัญชีรายชื่อ ก็ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา บวกกับความเดือดร้อนในพรรคเพื่อชาติ ซึ่งไม่มีงบประมาณอย่างที่คนเข้าใจ จะให้ผู้สมัครมากที่สุด 1 แสนบาท รองลงมา 7 หมื่น  รองลงมาอีก 5 หมื่นบาท  มีพรรคการเมืองไหน พรรคเล็กกว่านี้ยังจ่ายมากกว่านี้เลย  ดังนั้น ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ว่าถ้าเกิดตรวจพบ ผมเดินถอยหลังออกทันที ไม่มีวันไปผสมผสานเป็นอันขาด ผมมีจุดยืนชัดเจนอยู่แล้ว

       เมื่อถามถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐวางตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ลงพื้นที่หาเสียงนั้น นายจตุพรมองว่า ตนแปลกใจว่าวันนี้ สิ่งที่กกต.ควรทำเป็นสิ่งแรก ไม่ใช่บอกว่าพล.อ.ประยุทธ์สามารถไปหาเสียงเลือกตั้งได้ ปกติคนที่อยู่บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี เป็นหน้าที่ที่ต้องไปหาเสียงอยู่แล้ว ไปกินแรงคนอื่นได้ยังไง คนอื่นไปหาเสียงกันหนัก ตัวเองกลับนั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาลได้ยังไง ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจแต่เป็นความประหลาดตรงที่ แทนที่จะวินิจฉัยเรื่องความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก่อน แล้ว ณ ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกก็สายไปเสียแล้ว ถือว่าความผิดนั้นได้กระทำสำเร็จแล้ว วันนี้ถามว่าคนไทยรู้สึกอย่างไรว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ท่านเชื่อจริงไหม ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพักเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไหม ถ้าตำรวจในโรงพักเป็นเจ้าหน้าที่รัฐฉันใด พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นเจ้าหน้าที่รัฐฉันนั้น

      “แต่วันนี้บอกพลเอกประยุทธ์เป็นบุคคลสาธารณะ บุคคลสาธารณะที่ไหนไปออกคำสั่งให้ข้าราชการปฏิบัติตาม บุคคลสาธารณะไปใช้พระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไร เพราะฉะนั้น การที่วันนี้สังคมไทยกำลังสับสน การที่บอกว่าสามารถหาเสียงได้ ไปดีใจในเรื่องที่ควรไม่ดีใจ แต่ผมได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า พรรคพลังประชารัฐแพ้ ซึ่งผมเชื่อว่าแพ้ เงื่อนไขการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของพล.อ.ประยุทธ์นี่แหละจะถูกหยิบยกมาให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ต้องดู 4 รัฐมนตรี ทำไมไม่สามารถลงส.ส.ได้แม้แต่เพียงคนเดียว แล้วทำไมพล.อ.ประยุทธ์ไปอยู่ในบัญชีนายกพรคพลังประชารัฐได้ รัฐธรรมนูญ ถูกเขียนล็อกหน้าล็อกหลัง ท้ายที่สุดตัวเองกลับไปติดกับตัวเอง พูดง่ายคือไปเหยียบเปลือกกล้วยที่ตัวเองกินแล้วทิ้งขว้าง หากปล่อยให้การเลือกตั้งเดินมาถึงวันที่ 24 มีนาคม 2562 ท้ายที่สุด การเลือกตั้งก็จะเป็นโมฆะ  และกกต.ก็ติดคุก นี่จะเป็นเรื่องใหญ่ “

 

 

 


 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ