สองพันธมิตรคาบสมุทรเกาหลีตกลงเลิกซ้อมรบร่วมขนาดใหญ่ประจำปี เพื่อเดินหน้าการทูตกับโสมแดงเต็มสูบ
การตัดสินใจในเรื่องนี้มีขึ้นไม่กี่วันหลังการประชุมสุดยอดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และ นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม จบลงโดยปราศจากข้อตกลงอย่างเป็นทางการ
ชอง คยอง-ดู รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ หารือทางโทรศัพท์กับ แพทริค ชานาแฮน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเมื่อวาน ( 2 มี.ค. ) ก่อนเห็นพ้องกันว่า จะยุติการซ้อมรบขนาดใหญ่ประจำปีที่มีรหัสเรียกขาน Key Resolve และ Foal Eagle
โฟล อีเกิล ( Foal Eagle ) เป็นการซ้อมรบร่วมใหญ่ที่สุดของสองพันธมิตรในฤดูใบไม้ผลิ ( ช่วงเดือนมีนาคม ) และมักสร้างความโกรธแค้นให้เกาหลีเหนือ โดยการซ้อมรบที่ผ่านมา มีทหารเกาหลีใต้เข้าร่วม 2 หมื่นนาย และทหารอเมริกันเข้าร่วม 3 หมื่นนาย นอกจากนี้ สองฝ่ายยังซ้อมรบควบคู่ในชื่อเรียกขาน Key Resolve ที่ผู้บัญชาการทหารซ้อมสงครามจำลองทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งปกติจะดำเนินเป็นเวลา 10 วัน
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แจ้งว่า สหรัฐและเกาหลีใต้จะปรับซ้อมรบกลางแจ้งใหม่และซ้อมประสานบัญชาการ เพื่อสร้างความพร้อมทางทหารอย่างเข้มแข็งต่อไป การตัดสินใจในเรื่องนี้ เพื่อสนับสนุนความพยายามทางการทูตสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และลดความตึงเครียดทางทหารกับเกาหลีเหนือ
อัน ชาน อิล ประธานสถาบันเกาหลีเหนือศึกษาในกรุงโซล แสดงความเห็นว่าการระงับหรือลดขนาดการซ้อมรบสหรัฐและเกาหลีใต้ อาจกระทบความพร้อมของกองงทัพสองฝ่ายบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นภัยคุกคามความมั่นคงร้ายแรงต่อเกาหลีใต้ เนื่องจากกองกำลังตามแบบของเกาหลีใต้ เหนือชั้นกว่าเกาหลีเหนืออยู่แล้ว ประกอบกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ทั้งความสัมพันธ์สหรัฐกับเกาหลีเหนือ และมาตรการคว่ำบาตร เป็นไปได้น้อยมากที่เปียงยางจะทำอะไรบางอย่างกับอาวุธนิวเคลียร์ในอนาคตอันใกล้
ทรัมป์ไม่เคยมีแผนถอนทหารสหรัฐ 2.85 หมื่นนายจากเกาหลีใต้ เพื่อป้องปรามเกาหลีเหนือที่มีนิวเคลียร์ แต่เคยเปรยหลายครั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ้อมรบ ขณะที่เปียงยางก็ประณามว่าการซ้อมรบของสหรัฐกับเกาหลีใต้ เป็นการซ้อมใหญ่เพื่อบุกเกาหลีเหนือและยั่วยุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง