ข่าว

3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ! "พรรคอันดับ 2 ชิงดำนายกฯ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ! "พรรคอันดับ 2 ชิงดำนายกฯ" และใครฮั้วกับใคร ? ในการเลือกตั้งครั้งนี้

     เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 18.00 น. นายสมชาย มีเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nation Group นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนายบากบั่น บุญเลิศ บรรณาธิการอำนวยการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ได้จัดรายการ ผ่านทาง Facebook Live ที่แฟนเพจ คมชัดลึก ชี้เป้าศึกชิงพรรคอันดับ 2 และใครฮั้วกับใคร ? ในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

       3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ได้ทุบโต๊ะประเด็นแรกถึงกรณีที่ผู้สมัคร ส.ส.หลายคนได้เปลี่ยนชื่อของตัวเองเป็น “ทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์” รวมทั้งหมด 15 คน ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น”ทักษิณ” 11 คน และเปลี่ยนเป็น ”ยิ่งลักษณ์” กับ ”ยิ่งรัก” 4 คน โดยเป็นผู้สมัครส.ส. ที่อยู่ในเขตเลือกตั้งรวม 8 จังหวัด คือ เชียงใหม่ 1 เขต ลำพูน 1 เขต พะเยา 2 เขต อุทัยธานี 2 เขต แพร่ 1 เขต โคราช 4 เขต ลำปาง 2 เขต และสุรินทร์ 2 เขต ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผู้สมัครส.ส. จากพรรคเพื่อชาติทั้งสิ้น  ซึ่งสาเหตุที่ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อชาติต้องทำเช่นนี้ ก็เพื่อต้องการให้การเปลี่ยนชื่อดังกล่าว เป็นที่จดจำของประชาชน อาจถือว่าเป็นการทำการตลาดอย่างหนึ่งก็ได้ และการเปลี่ยนชื่อก็ถือเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลไม่ได้มีความผิดอะไรในการเลือกตั้ง

3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ! "พรรคอันดับ 2 ชิงดำนายกฯ"

3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ! "พรรคอันดับ 2 ชิงดำนายกฯ"

      ทั้งนี้ 3 บก. ได้มีการกล่าวถึง จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต ส.ส.สุรินทร์ ด้วยว่า “ จากที่เคยประท้วงช่วยคุณยิ่งลักษณ์ ในวันนี้เขาได้คุณยิ่งลักษณ์เป็นภรรยาแล้ว ทั้งยังได้คุณยิ่งรักที่เป็น “ร.เรือ” เป็นน้องสาวด้วย ” เพราะเนื่องมาจาก ภรรยาและน้องสาวของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น ยิ่งลักษณ์ และยิ่งรัก ไชยศรีษะ จากเดิมที่ภรรยาชื่อว่า นางนิภาพร  ไชยศรีษะ ก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น นางยิ่งลักษณ์  ไชยศรีษะ และน้องสาวที่เดิมชื่อ น.ส.เกษราภรณ์  ไชยศรีษะ ก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น น.ส.ยิ่งรัก  ไชยศรีษะ นั่นเอง

     ใครฮั้วกับใคร ? ในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

     ทั้ง 3 บก. ได้มีการตั้งคำถามว่ามีการฮั้วกันหรือไม่? ถึงประเด็นที่ทางพรรคเพื่อไทยได้ส่ง ส.ส. กทม.ทั้งหมด 22 เขตลงสมัคร แต่กลับเว้นว่างไว้จำนวน 8 เขต ซึ่งเป็นเขตที่พรรคไทยรักษาชาติส่งส.ส. กทม.ลงสมัคร ได้แก่ เขต2 เขต3 เขต4 เขต20 เขต21 เขต22 เขต24 และเขต25  ซึ่งเขตที่เหลือพรรคเพื่อไทยก็ส่งส.ส.ลงสมัครทั้งหมด 

3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ! "พรรคอันดับ 2 ชิงดำนายกฯ"

 

     โดยนายบากบั่น ได้กล่าวว่า เป็นไปได้ไหม? ที่ทั้ง 8 เขตนี้เพื่อไทยลงไปก็ไม่ได้ และเป็นไปได้ไหม? ที่ทั้ง 8 เขตนี้คนจากไทยรักษาชาติน่าจะแข็งแกร่งกว่า 

      ซึ่งทางด้านนายสมชาย ได้ตอบกลับมาว่า การเมืองในกรุงเทพฯ นั้นจะมีแฟนคลับชัดเจน ในการเลือกตั้งปี 2554 นั้นมี 33 เขต ปรากฎว่า ประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยเป็นสองพรรคเท่านั้นที่ได้รับการเลือกตั้ง ในเขตที่เพื่อไทยได้รับคะแนนต่ำสุดคือ เขต1 ซึ่งได้มา 20,000 คะแนน แต่เขตอื่นๆนั้นเพื่อไทยได้ไม่ต่ำกว่า 26,000 เลย แต่เฉลี่ยออกมาได้ 25,000 

3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ! "พรรคอันดับ 2 ชิงดำนายกฯ"

     ด้านนายวีระศักดิ์  ได้เสริมว่า ซึ่งในขณะนั้นคนที่พรรคเพื่อไทยส่งลงไปในแต่ละเขตก็ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรสุดโต่ง แต่คะแนนที่ได้นั้นเป็นคะแนนพรรค

     ซึ่งทางด้านนายสมชาย ได้กล่าวต่อว่า ใน 8 เขตที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งส.ส.ลงสมัครนั้น พรรคจะเสียคะแนนไปเขตละ 25,000 คะแนน รวมเท่ากับ 200,000 คะแนน นำไปหาร 70,000 ก็เท่ากับพรรคได้เสียส.ส.ไปถึง 3 คน ที่จะสามารถเข้าไปยกมือให้ตัวเองเป็นนายกฯได้ นั่นเป็นเหตุที่ทำไมทางพรรคประชาธิปัตย์ถึงได้ส่งส.ส.ลงครบทั้ง 30 เขต ของกทม. เพราะเขารู้ว่าถึงเขาจะไม่ได้รับการรับเลือกตั้ง แต่เขาก็เก็บคะแนนไว้แล้ว 25,000 คะแนน 

     ทั้งได้มีการกล่าวถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทยว่า คุณหญิงสุดารัตน์นั้นเป็นแม่ทัพ กทม. ของพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยแล้ว โดยจิตใจตนเชื่อว่าคุณหญิงสุดารัตน์นั้นอยากได้ทุกคะแนน เพื่อจะทำให้ตัวเองได้คะแนนมากที่สุดแล้วก็ไปโหวตเป็นนายก ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่า ต้องขอบอกว่าไม่มีเหตุผลอื่นนอกจาก ได้รับการขอร้องมาจากคนแดนไกล 

3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ! "พรรคอันดับ 2 ชิงดำนายกฯ"

     เมื่อนายบากบั่น ถามว่า เป็นไปได้ไหม? ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติจะมีการคุยกัน

     นายสมชาย ได้อธิบายว่า ทั้งสองพรรคนั้นมีรากเหง้าเดียวกัน ดูได้จากป้ายหาเสียงในสมัยที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงในปี 2554 กับป้ายหาเสียงของพรรคไทยรักษาชาติในปัจจุบัน โดยให้สังเกตดูที่สโลแกนของพรรคที่ใช้ในการหาเสียงว่าเป็นอย่างไร? ซึ่งในปี 2554 พรรคเพื่อไทยได้ใช้สโลแกนว่า “ ขอคิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน ” ส่วนทางด้านไทยรักษาชาติในปัจจุบันก็ได้ใช้สโลแกนว่า “ คิดใหม่ ทำใหม่ พลิกฟื้นเศรษฐกิจ ด้วยมืออาชีพ ” ซึ่งตนจะบอกว่าการแบ่งเขตทำไมจะไม่คุยกัน ในเมื่อมาจากรากเหง้าเดียวกัน ทั้งตัวหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติเองก็มาจากพรรคเพื่อไทย รวมถึงคนอื่นๆในพรรคด้วย ซึ่งถ้าฮั้วกันจริงเรื่องไม่ส่งส.ส. 8 เขต ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขึ้นอยู่กับวันที่ 24 มีนาคมนี้ว่า ประชาชนจะพิพากษาอย่างไร กับการฮั้วหรือการสมยอมกันของสองฝ่ายพรรคการเมืองในเรื่องนี้ 

      พรรคอันดับ 2 ชิงดำ! นายกฯ

     ซึ่งนายวีระศักดิ์  ได้ตั้งคำถามว่า โดยปกติแล้วคนที่จะชิงดำนายกฯ จะต้องเป็นอันดับ 1 แต่คราวนี้เป็นพรรคอันดับ 2 เกิดอะไรขึ้น? 

     นายสมชาย ได้อธิบายว่า ถ้าทางพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. ถึง 300 อย่างที่พูดไว้ เขาสามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้เลย แต่ถ้าได้ 200 หรือต่ำกว่านั้นก็จะยาก เพราะพรรคที่ 2 ที่ 3 อย่างพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคพลังประชารัฐที่แข่งกัน หากรวมกันก็จะได้ ส.ส. 200 ต้นๆ ซึ่งเมื่อรวมกับ ส.ว. และพรรครอเสียบ จะสามารถตั้งรัฐบาลได้ ตอนนี้ยุทธศาสตร์ของการเมือง ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคพลังประชารัฐถึงแข่งกันเป็นที่ 2 คุณอภิสิทธ์ ถึงได้ประกาศเลยว่าพรรคของเขาอย่างน้อยต้องได้อันดับ 2 เพราะเขาเชื่อว่า ถ้าได้อันดับ 2 จะสามารถต่อรองให้พรรคพลังประชารัฐมาร่วมได้ หากพลังประชารัฐไม่ร่วม ก็ยังสามารถไปคุยกับพรรคเพื่อไทยได้ ตอนนี้ต้องดูว่าประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐ พรรคไหนจะเป็นอันดับ 2  เพราะอันดับ 2 จะได้นั่งเก้าอี้นายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้

3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ! "พรรคอันดับ 2 ชิงดำนายกฯ"

     เพราะต้องยอมรับว่าตอนนี้อย่างไรพรรคที่มาที่ 1 ก็คือเพื่อไทย แต่ก็ยังยากที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลเองได้ เนื่องจากไม่อาจข้ามเส้น ด้วยกติกาที่ถูกตั้งไว้ ถึงจะจับมือกับพรรครอเสียบก็ไม่พอ อย่างไรก็ตามต้องมีพรรคอันดับ 2 หรืออันดับ 3 เข้าร่วมถึงจะพอ ดังนั้นยุทธศาสตร์ใหญ่ และความได้เปรียบอยู่ที่พรรคอันดับ 2 ที่มีอำนาจในการต่อรอง และในกรณีที่ “บิ๊กตู่” พูดกับนักข่าววันนี้ว่า “เผื่อใจไว้” สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐจะต้องทำให้ได้ก็คือ การชนะพรรคประชาธิปัตย์ แล้วเป็นพรรคอันดับที่ 2  

     ทั้งนี้ได้มีการพูดถึงเรื่องบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคเพื่อไทยด้วยว่า ไม่ตกใจกับสองรายชื่อแรก แต่ตกใจรายชื่อที่สาม ก็คือ ชัยเกษม นิติสิริ  หนึ่งในบุคคลที่เคยสนับสนุนให้มี พรบ.นิรโทษกรรมมาก่อนนั่นเอง

3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ! "พรรคอันดับ 2 ชิงดำนายกฯ"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ