ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ พูดชัดจะไม่ดำเนินการอะไรกับซาอุดีอาระเบีย หรือมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แม้อาจพัวพันกับการสังหารจามัล คาช็อกกี
ในแถลงการณ์ต่อกรณีการสังหารนายจามัล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย และคอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์ ซึ่งใช้หัวเรื่องรองว่า Amerca First! ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐยังคงประเมินข้อมูลอย่างรอบด้านต่อไป และผลอาจออกมาว่ามกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดอาจรู้เห็นโศกนาฏกรรมครั้งนี้ หรืออาจลงมือทำหรือไม่ได้ทำก็ได้
“เราอาจไม่มีวันรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับการฆาตกรรมจามัล คาช็อกี แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรายังคงความสัมพันธ์กับราชอาณาจักซาอุดีอาระเบีย พวกเขาเป็นพันธมิตรยิ่งใหญ่ในการต่อสู้กับอิหร่าน”
หลังออกแถลงการณ์ ทรัมป์ บอกกับสื่อในวันเดียวกัน ยกอิทธิพลของซาอุดีอาระเบียต่อราคาน้ำมัน ด้วยการระบว่าหากเราทิ้งซาอุฯ จะเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ เขาจะไม่ทำลายเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการยกเลิกข้อตกลงซื้อขายอาวุธกับซาอุดีอาระเบีย เพราะคาช็อกกี “มันเป็นสมการง่ายมากสำหรับผม ผมจะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง ผมยกอเมริกาต้องมาก่อน”
แถลงการณ์แสดงจุดยืนทำเนียบขาวต่อการสังหารนักข่าวจอมวิจารณ์รัฐบาลริยาด จะเป็นการเปิดศึกกับสมาชิกสภาคองเกรสเดโมแครต และแม้แต่รีพับลิกันเองที่ไม่เห็นด้วยกับการไม่ลงโทษซาอุดีอาระเบีย ทั้งที่สำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) สอบสวนและเชื่อว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด สั่งการโดยตรง
ขณะที่เฟรด ไรอัน ซีอีโอวอชิงตันโพสต์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อการสังหารนักข่าวอย่างโหดเหี้ยม คือการทรยศค่านิยมอเมริกันที่ดำเนินมายาวนาน คือการเคารพสิทธิมนุษยชน ความไว้วางใจและความซื่อสัตย์ต่อความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ “เขาวางความสัมพันธ์และผลประโยชน์ส่วนตัวเหนือผลประโยชน์ชาวอเมริกัน ด้วยปรารถนาจะยังดำเนินธุรกิจตามปกติกับมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียต่อไป”
คาช็อกกี ถูกสังหาร หลังเข้าไปจัดการเอกสารแต่งงานกับคู่หมั้นชาวตุรกี ที่สถานกงสุลซาอุฯในนครอิสตันบูล เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง