ข่าว

แฉ "สารวัตร - นักการเมือง" แท็กทีมยัดค้ายาเรียก 1 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศูนย์ข่าวภาคใต้

 

               เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ต.ค. 61 ที่ ห้องประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพร ศูนย์ราชการ จ.ชุมพร  นางชลดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาว จ.ชุมพร เข้าพบสื่อมวลชนพร้อมทั้งนำหลักฐานต่างๆ กรณีสามีถูกยัดข้อหาร่วมกันค้ายาเสพติด แล้วมีนายตำรวจเรียกเงิน 1 ล้านเพื่อปิดคดี ต่อรองเหลือ 7 แสนบาท แต่จ่ายเงินแล้วกลับมี จนท. บุกจับกุมตัวสามีและนางชลดาไปสอบ ตรวจมือถือพบคลิปตำรวจเรียกเงินอ้างแบ่งชุด จนท. ด้วย 2 แสน ป้องกันจังหวัดโทรถามสารวัตร นักการเมืองท้องถิ่นรีบเอาเงินมาคืนทันที สุดท้ายหมายจับออกมา จึงตัดสินใจดับเครื่องชน

 

 

 

               นางชลดา อุ้มลูกสาววัย 4 เดือน เปิดเผยว่า เมื่อเดือน พ.ค. 61 ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ายาไอซ์ 21 กก. ในพื้นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ต่อมา ผู้ต้องหาซัดทอดว่า สามี อายุ 35 ปี มีส่วนร่วมในการค้ายาไอซ์จำนวนดังกล่าวด้วย ขณะนั้นตนกำลังคลอดลูกสาวที่ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ซึ่งสามีมาบอกเรื่องดังกล่าว แต่ตนเองกำลังเหนื่อยจากการคลอดลูก จึงไม่ได้สนใจมาก

               นางชลดา กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 10 พ.ค. 61 ได้มีไลน์ของนายตำรวจคนหนึ่งเด้งขึ้นมาในไลน์ของเธอ สอบถามว่า อยากให้ช่วยเหลือสามีไหม ก็บอกไปว่า อยากให้ช่วย ต่อมาสามีมาบอกว่า สารวัตรขอพบและขอคุยด้วย จึงไปพบที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร โดยมีพ่อของตน อายุ 56 ปี อุ้มลูกสาววัยแบเบาะของตนไป และเพื่อนของสามีขับรถนำทางไปพบสารวัตรคนดังกล่าวที่มาในชุดครึ่งท่อน เสื้อขาวคอแดง เมื่อพบกัน สารวัตรคนดังกล่าวทำทีพูดจาด้วยความเป็นห่วงตนเอง ลูกสาว และสามี พร้อมทั้งถามย้ำว่า “อยากช่วยสามีไหม” จึงตอบว่า “อยากสิ” สารวัตรคนดังกล่าวจึงบอกว่า 1 ล้านบาท ตอนนั้นถึงกับตกใจและบอกไปว่า จะไปเอามาจากไหน

               จากนั้นพ่อของตนถามว่า ถ้าต่อสู้คดีจะมีโอกาสชนะไหม สารวัตรคนดังกล่าว บอกว่า มีโอกาสน้อย และต้องใช้เงินมากถึง 2 - 3 ล้าน และในขณะนี้ ศาลกำลังมีคำสั่งยึดทรัพย์ของครอบครัวแล้ว ทั้งวัว รถยนต์ต่างๆ ก็จะถูกยึดหมด ตนจึงหันไปปรึกษาพ่อ แล้วบอกกับสารวัตรคนดังกล่าวว่าขอเวลาหาเงินก่อน ซึ่งให้เวลา 1 เดือน ต่อมาผ่านไปเกือบ 1 เดือน เพื่อนของสามีมาบอกว่า ลดให้เหลือ 7 แสน ตนบอกไปว่า ยังไม่มีเงิน

 

 

 

               กระทั่งวันที่ 21 ก.ค. 61 พี่สาวของสามีมาบอกว่า มีหมายเรียกสามีตนเป็นผู้ต้องหา ข้อหาผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด จึงไปปรึกษากับนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง วันแรก นักการเมืองคนดังกล่าวบอกจะหาทนายให้ แต่วันรุ่งขึ้นโทรมาบอกว่า ให้หาเงินจ่ายสารวัตรดีกว่า ในวงเงิน 7 แสนบาท หลังจากนั้นได้ไปขอกู้เงินไฟแนนซ์พร้อมทั้งขายสวนยาง 20 ไร่ ได้เงินมา 4 แสน ในวันที่ 6 ส.ค. 61 นักการเมืองท้องถิ่นได้ให้ไปพบที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง อ.ท่าแซะ จึงไปพร้อมพ่อ แม่แฟน และหลานๆ เมื่อพบ สจ. ได้แอบบันทึกเสียงการสนทนาไว้ พร้อมทั้งมอบเงินให้ไป 4 แสนบาท และเห็นว่า สจ. ได้โทรไปยังตำรวจ พร้อมทั้งได้ให้พูดโทรศัพท์ ซึ่งตนจำเสียงได้ ตนบอกไปว่า อีก 3 แสน ขอเวลาอีกสักระยะ

               ต่อมาวันที่ 10 ส.ค. 61 สจ. สอบถามถึงเงินที่ยังเหลืออีก 3 แสน และได้นัดส่งเงินที่ปั๊มน้ำมันใน อ.เมือง จ.ชุมพร หลังจากนั้นวันที่ 20 ส.ค. 61 มี จนท. ชุด อส. ไปที่บ้านของตนที่อยู่กับสามี พร้อมทั้งค้นบ้านอย่างละเอียด แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงเชิญตัวสามีไปยังที่ทำการ กองร้อย อส. เพื่อตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือ และพบคลิปที่ตนบันทึกเรื่องการต่อรองการจ่ายเงินกับสารวัตร และในคลิประบุว่าแบ่งให้กับชุด จนท. ของ จ.ชุมพร 2 แสนบาท ทำให้ จ.ส.ต.ฐิติวัชร์ บุญกิจ ป้องกัน จ.ชุมพร หัวหน้าชุด อส.ชุมพร โทรไปหาตำรวจเพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว ทำให้ตนรู้ตัวว่าถูกยัดข้อหายาเสพติด จึงขอพูดกับตำรวจและให้เอาเงินมาคืน ไม่งั้นจะไปร้องสื่อ โดยให้นำมาคืนใน 1 ชม.

 

 

 

               ต่อมานักการเมืองท้องถิ่นคนเดิมได้นำเงินมาคืนให้ถึงปากซอยหน้าที่ทำการ กองร้อย อส.ชุมพร โดยมี อส. 2 นาย ออกไปเป็นเพื่อน และนำเงินมาถ่ายรูป จำนวน 7 แสนบาท จนกระทั่ง วันที่ 3 ต.ค. 61 ได้มีหมายจับสามี ข้อหา พัวพันการค้ายาเสพติด ทำให้ตนตกใจ และงงว่าทำไมจู่ๆ จึงมีหมายจับ ทั้งที่น่าจะเป็นหมายเรียกก่อน แสดงว่าตนเองถูกหลอกลวงเรื่องคดีมาตั้งแต่ต้น ทำให้ต้องการความเป็นธรรมให้กับครอบครัวตนเองด้วย

               นางชลดา กล่าวทั้งน้ำตาว่า นี่หรือการกระทำของ จนท.รัฐ ที่ทำเพื่อ ปชช. เนื่องจากต้องจ่ายดอกเบี้ยที่ไปกู้เงินมา เนื่องจากกลัวจะถูกดำเนินคดี ทั้งที่สามีไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลย

               ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังกองบังคับการตำรวจภูธร จ.ชุมพร ได้รับแจ้งจากตำรวจเพียงว่า พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย ผบก.ภ.จว.ชุมพร เดินทางไปร่วมพิธีต้อนรับผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 ที่ จ.ภูเก็ต ในขณะที่ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร ต่างปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล โดยขอให้เป็นหน้าที่ของ ผบก.ภ.จว.ชุมพร เท่านั้น

               ขณะที่ตำรวจในสถานีต้นเรื่อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ทุกระดับ ไม่มีใครให้รายละเอียดของนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว และขอให้สอบถามผู้บังคับบัญชาระดับสูงเอาเอง ในส่วนของฝ่ายปกครองระดับสูง จ.ชุมพร ก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น โดยอ้างว่ายังไม่ทราบรายละเอียด

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ