ข่าว

"เว้" เมืองแห่งการท่องเที่ยว-เกษตร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ - ทำกินถิ่นอาเซียน โดย- รศ.ดร.พิชัย ทองดีเลิศ  [email protected] 

 

ต่อจากเสาร์ที่แล้ว

    ในครั้งที่แล้วเราเดินทางออกจากเมืองดานังไปสู่เมืองเว้ ซึ่งก่อนจะถึงเว้ขอทบทวนเรื่องของดานังกันอีกนิดนึง ทุกวันนี้ดานังถือได้เป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเวียดนามก็ว่าได้ ด้วยมีสนามบินและเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงโรงแรมและที่พักที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายส่งผลให้ความต้องการเรื่องของผลผลิตทางการเกษตรและประมงเพื่อนำมาเป็นอาหารก็มีความต้องการเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งเวียดนามก็สามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้สบายๆ ด้วยมีศักยภาพทางการเกษตรค่อนข้างสูง ถ้าเทียบกับประเทศอื่นในซีแอลเอ็มวี ซึ่งคนเวียดนามเองก็รับรู้และภูมิใจในสิ่งนี้ครับ  

 

"เว้" เมืองแห่งการท่องเที่ยว-เกษตร

 

ว่าแล้วก็วนกลับไปทำงานที่เมืองเว้กันต่อครับ ถ้าใครที่เคยเดินทางไปเมืองเว้ก็จะนึกภาพออกว่าเว้เป็นเมืองเก่าที่พระราชวังและโบราณสถานรวมถึงศิลปวัฒนธรรมที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ เป็นเมืองเล็กๆ ที่ยังไม่ค่อยวุ่นวายอะไร แต่ก็มีโรงแรมและที่พักรองรับนักท่องเที่ยวแต่ยังน้อยกว่าดานังมาก ดูจากนักท่องเที่ยวที่เดินไปมาส่วนใหญ่เป็นยุโรปค่อนข้างมากและตามมาด้วยพี่น้องชาวจีนอีกพอควร 

 เว้เป็นเมืองที่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและเมืองแห่งการเกษตรด้วยก็ว่าได้ ซึ่งบริเวณรอบๆ เมืองเว้เป็นพื้นที่ทำการเกษตรเกือบทั้งหมดทั้งข้าว ข้าวโพด และบัว พื้นที่จะเขียวไปทั้งหมด เนื่องจากมีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านจึงเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและใช้น้ำฝนบ้างตามฤดูกาล 

เรามีโอกาสพูดคุยกับนักวิชาการของ HUE University ในเรื่องของการเกษตรและอาหารในเวียดนาม ซึ่งก็ได้ข้อมูลว่าเวียดนามมีความพร้อมในเรื่องพื้นที่การผลิตทางการเกษตรทั้งเหนือกลางใต้มีความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ดังนั้นผลผลิตที่ได้จึงครบถ้วนทั้งข้าว ยางพารา ข้าวโพด มันสำปะหลัง กาแฟ พืชผัก ผลไม้ รวมถึงผลผลิตจากการประมงที่เป็นอาหารทะเลที่พอเพียงต่อการบริโภคภายในประเทศและส่งออก 

 แต่วิถีการทำการเกษตรก็ยังเป็นแบบดั้งเดิมมีการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดเล็กรวมถึงปุ๋ยและสารเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิต แต่ก็ยังขาดเรื่องของเทคโนโลยีการแปรรูปและเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตร  

 

ที่น่าสนใจก็คือทาง HUE University ได้ให้การส่งเสริมในเรื่องของเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ เพราะทางนักวิชาการที่นี่ได้บอกเราว่ายังมีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์อีกมาก และเกษตรกรเองก็มีความเต็มใจที่จะทำ ซึ่งเราก็ได้เข้าไปดูในพื้นที่จริงที่ทำการเกษตรในแบบปลอดภัยซึ่งการเดินทางเข้าไปก็ค่อนข้างลำบาก ก็พบเห็นการใช้เป็ดใช้ปลาในการควบคุมวัชพืชในนาข้าว 

โดยในพื้นที่แถบนี้ส่วนใหญ่ก็ทำแบบนี้กันตามคำแนะนำของนักวิชาการ ในพื้นที่บริเวณนี้จะเน้นการปลูกข้าวและบัวเป็นหลัก ซึ่งเม็ดบัวก็เป็นผลผลิตที่เป็นหน้าเป็นตาของเวียดนามอีกอย่างหนึ่งนอกเหนือจากข้าวและกาแฟ 

 นอกจากนี้ทางนักวิชาการยังบอกอีกว่าผลผลิตจากพื้นที่นี้จะมีผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปและเพิ่มมูลค่าเป็นสินค้าแปรรูปปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคที่รักสุขภาพมาซื้อและนำไปแปรรูปและทำตลาดในประเทศ และสำหรับผู้บริโภคที่รักการบริโภคอาหารปลอดภัยก็จะมีการขายและจัดส่งสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกและมีร้านที่เป็นเอาท์เล็ต สำหรับผู้บริโภคอื่นๆ ที่สนใจ แต่ราคาก็จะค่อนข้างสูงกว่าผลผลิตทางการเกษตรในตลาดทั่วไป 

จากจุดนี้ทำให้เห็นว่าในเวียดนามเองเรื่องของสินค้าเกษตรปลอดภัยก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาด แม้จะมีจำนวนผู้บริโภคไม่มาก ราคาค่อนข้างสูง จำนวนเกษตรกรที่ผลิตน้อย แต่ก็มีการส่งเสริมให้มีการผลิตเพิ่มขึ้น ในครั้งหน้าผมจะพาไปพบผู้ประกอบการแปรรูปเพื่อไปดูวิธีคิดและการทำธุรกิจเกี่ยวกับการแปรรูปและเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตรปลอดภัยว่าเขาทำอย่างไรกันในเวียดนาม

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ