ต้นมะปรางป่าอายุ 150 ปี สมัยรัชกาลที่ 5 ยังให้ผลผลิต เตรียมประกาศเป็นไม้ทรงคุณค่า พร้อมขยายพันธุ์เป็นไม้หายาก
7 มี.ค. 61 ที่ วัดพระแท่นศิลาอาสน์ พระอารามหลวง ต.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นายเสฐียรพงศ์ มากศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ สภาวัฒนธรรมอำเภอลับแล ให้การต้อนรับ นายวีนะ โรจน์พจนรัตน์ รมว.กระทรวงวัฒนธรรม และคณะ ได้เดินทางมากราบสักการะและปิดทองพระแท่นศิลาอาสน์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง จ.อุตรดิตถ์ ภายในวิหาร พร้อมนมัสการท่านเจ้าคุณพระวินัยสาธร เจ้าอาวาสวัดพระแท่นศิลาอาสน์ เพื่อความเป็นสิริมงคล
จากนั้นได้ลงพื้นที่บริเวณด้านข้างวิหารวัดพระแท่นศิลาอาสน์ เพื่อเยี่ยมชมต้นมะปรางป่า หลังรับรายงานว่า มีอายุมากกว่า 150 ปี และยังแข็งแรง สมบูรณ์ ให้ผลผลิตมาจนถึงปัจจุบัน และรดน้ำใส่ปุ๋ยบริเวณโคนต้นมะปรางป่าดังกล่าว ก่อนจะชิมผลมะปรางที่กำลังติดผลดก ซึ่งเป็นมะปรางหวาน ผลเล็ก เนื้อน้อยเมล็ดโต
นายวีระ กล่าวว่า ต้นมะปรางป่าอยู่เคียงคู่วิหารวัดพระแท่นศิลาอาสน์มาเป็นเวลานาน มีขนาดเส้นรอบวง 2.6 เมตร สูง 22 เมตร มีเพียงต้นเดียวที่อายุเก่าแก่ที่สุด ครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสต้นหัวเมืองฝ่ายเหนือ โดยเสด็จมานมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ เมื่อปี 2444 ซึ่งตามภาพถ่ายประวัติศาสตร์ ปรากฏต้นมะปรางป่ายืนต้นอยู่ข้างวิหารอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งคาดว่ามีอายุประมาณ 150 ปี
ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาประกาศรับรองต้นมะปรางป่าต้นนี้ เป็นต้นไม้ทรงคุณค่า ตามโครงการ “รุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” ซึ่งเป็น 1 ใน 63 ต้นทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ 2 เมษายน 2561
พร้อมให้เจ้าหน้าที่ติดป้ายประกาศบอกประวัติความเป็นมา และจัดภูมิทัศน์ให้งดงาม ประสานเจ้าหน้าที่ป่าไม้หรือเกษตรดูแลและอนุรักษ์ เนื่องจากมีอายุมาก มีความทรุดโทรม อาจมีแมลงหรือมอด รวมถึงขยายพันธุ์ เนื่องจากปัจจุบันต้นมะปรางป่าเป็นต้นไม้ที่หายากมาก และห้ามตัดหรือทำลายโดดเด็ดขาด ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจะจัดพิมพ์หนังสือ ทำเว็บไซต์เผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนช่วยกันรักษาต้นไม้ ไม่ตัดทำลายด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง