ข่าว

"ชัยวัฒน์” ย้ำ เสียงคลิปลับ  ไม่มี "เปรมชัย"

"ชัยวัฒน์” ย้ำ เสียงคลิปลับ ไม่มี "เปรมชัย"

08 ก.พ. 2561

"ชัยวัฒน์”เผยรู้ตัวเสียงปริศนาในคลิป ไม่ใช่“เปรมชัย”เป็นแค่คนขับรถขอเคลียร์จนท.จ่อมอบให้“ศรีวราห์”ยันไม่มี"บิ๊กสีกากี"โทรเจรจา

 

          จากกรณีที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ พร้อมพวก 3 คน และของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ ถูกชำแหละ ก่อนถลกหนัง อาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่งนั้น

         เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561  กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ พร้อมด้วย นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ผู้นำทีมเข้าจับกุม ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยมีพล.ต.อ ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร กำกับดูแลการสอบปากคำ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ผู้นำทีมเข้าจับกุม ด้วยตัวเอง

 

\"ชัยวัฒน์” ย้ำ เสียงคลิปลับ  ไม่มี \"เปรมชัย\"

          นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า ตนได้ประสานกับทางพล.ต.อ.ศรีวราห์ ไว้ ซึ่งท่านก็เห็นแล้วว่ามีคลิปเสียง ส่วนรายละเอียดในคลิปเสียงได้ให้นิติกรทำการตรวจสอบดูแล้วพบว่าเป็นคลิปเสียงเหมือนการติดสินบน และคนที่ได้อัดคลิปเสียงไว้กำลังจะเดินทางมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นยืนยันว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นคลิปเสียงจริง   เพราะตนได้ฟังและได้รับจากผู้บันทึกคลิปเสียงได้ส่งมาให้ตน ตนจึงส่งให้นิติกรของกรมตรวจสอบดูว่าสามารถที่จะฟ้องว่าติดสินบนพนักงานเจ้าหน้าที่ได้หรือไม่

          นายชัยวัฒน์  กล่าวอีกว่า แต่ทั้งนี้ทางพล.ต.อ.ศรีวราห์บอกให้นำคลิปดังกล่าวมามอบให้วันนี้เลยจะได้ดำเนินการครั้งเดียว ซึ่งทางตำรวจป่าไม้จะจัดการเรื่องนี้เอง จากการตรวจสอบเบื้องต้นบุคคลในคลิปเสียงคือนายยงค์ โดดเครือ ซึ่งเป็นคนทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถพูดในลักษณะขอว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ที่ได้ยินชัดคือว่า “อยากได้อะไรก็จะให้” ในคลิปเสียงที่ตนได้ฟังจะเป็นคลิปเสียงยาว แต่คนที่ได้ไปแล้วอาจจะนำไปตัดเอาบางช่วงบางตอน เท่าที่ตนได้ฟังไม่พบว่ามีเสียงของผู้บริหารคนดังกล่าว แต่ภายในคลิปจะมีคนพูดอยู่ 2-3 เสียง

\"ชัยวัฒน์” ย้ำ เสียงคลิปลับ  ไม่มี \"เปรมชัย\"

          นายชัยวัฒน์  กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทั้งนี้คนที่เป็นผู้อัดคลิปเสียงจะมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าใครเป็นคนพูดอะไรบ้าง ซึ่งจะให้ความชัดเจนได้มากกว่า ในขณะที่ตรวจสอบครั้งแรกพบคือวันที่ 4 กุมภาพันธ์ มีการพยายามนำตัวออกมาถึงประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ จากนั้นเขาก็มาพักอยู่ที่หน่วย ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่คลิปเสียงเกิดขึ้นก็มีการพูดคุยกัน ก็ปรากฎตามที่ทุกคนได้ยิน

         เมื่อถามว่ามีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงทรัพย์ฯมากดดันในการทำหน้าที่หรือไม่ทางด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ ใครจะกดดันเราได้ เราจับนะ เราจับนักลงทุนระดับชาติ แล้วไม่มีคำตอบกลับไปเลยว่าจะต้องมีคนเคลียร์ เพราะเราจับแล้ว เราแสดงตัวตนว่าเรากล่าวหาเขาแล้ว ในการที่จะโทรมาเคลียร์หรือมาบอกว่าให้คดีนี้ลดโทษลงไม่มีหรอกครับ

       "ผมยืนยัน 100 % ไม่มีผู้บริหารระดับกรมรู้เห็นเรื่องนี้แน่นอน แล้วผมเองได้รับโทรศัพท์จากอธิบดีวันที่เกิดเหตุ  ท่านสั่งผมโดยตรงว่าดำเนินการตามกฎหมายแล้วไม่ต้องเกรงกลัวใครทั้งนั้น ซึ่งขณะนั้นท่านอยู่กับรัฐมนตรี และผมเป็นคนรับโทรศัพท์เอง ผมจึงรีบเดินทางไปทำสำนวนแจ้งความดำเนินคดี เพราะสำนวนใช้ประสบการณ์จากเดิมที่เคยอยู่แก่งกระจานมาเทียบเคียงกันแล้วพรรณาเรื่องของสถานที่เกิดเหตุ วันนั้นเกิดเหตุอะไรอย่างไร แล้วทำไมถึงจับ ทำไมเวลายาวถึง 1-2 วัน ซึ่งเป็นเรื่องของการทำสำนวนคดี เพื่อที่จะไม่ให้เกี่ยวข้องกับการกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังเกิน 48 ชั่วโมง" นายชัยวัฒน์ กล่าว

        นายชัยวัฒน์  กล่าวอีกว่า ตามผลงานพญาเสือกับกรมอุทยานตนจับมาหมดแล้วนะ ส.ส.ตนก็จับมาแล้ว รวมถึงเกาะที่ระนอง นักลงทุนขนาดใหญ่ในภาคใต้ ตนก็เคยจับมาหมดแล้ว ตนก็จับทุกคดี ส่วนนายเปรมชัยตนไม่รู้จัก แล้วไม่รู้ว่าเขารวยขนาดไหน ตนก็ไม่รู้ แต่ตนรู้ว่ากรมตนอยู่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ตนปกป้องป่าเท่านั้นเอง ใครจะใหญ่แค่ไหนตนไม่สน เราก็ทำงานตามหน้าที่ของเรา

         นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นได้แจ้งทุกหน่วยให้ตรวจสอบย้อนหลังไปว่าก่อนหน้านี้มีการลักลอบเข้าไปหรือไม่ ตั้งแต่โลเคชั่นที่มีการแชร์ และตรวจสอบภาพที่ไปยืนตามจุดชมวิวต่างๆ ว่าอยู่จุดใด เข้าไปในฐานะนักท่องเที่ยวเสียค่าบริการหรือไม่ รายละเอียดของวันและเวลาที่เข้าไป

        "ผมบอกตรงๆ ว่าทำไมวันนี้หัวหน้าวิเชียรถึงกล้าลุย เพราะถ้าหัวไม่ส่ายหางก็ไม่กระดิก และถ้าหัวเข้มแข็งลูกน้องก็เต็มที่อยู่แล้ว ผมก็พูดตรงๆ ว่าทำไมวันนี้ผมถึงรับอาสามาเป็นพญาเสือ เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าทุกขลาภของตำแหน่งนี้อย่างไรก็ถูกฟ้องกลับ เราทำงานเรารู้ว่าถ้าหัวไม่ส่ายเราก็ทำงานได้เต็มที่ ผมจึงยืนยันได้ว่าในกระบวนการตั้งแต่รัฐมนตรีลงมาถึงอธิบดีท่านสั่งการโดยเด็ดขาดว่าดำเนินการตามกฎหมายและไม่มีการทุจริตไม่มีการเรียกทรัพย์ไม่มีการต่อรองเจรจากับผู้ต้องหาทั้งสิ้น"นายชัยวัฒน์ กล่าว

\"ชัยวัฒน์” ย้ำ เสียงคลิปลับ  ไม่มี \"เปรมชัย\"

         เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่หากฝั่งทนายเล่นแง่ว่าเสือจะเข้ามาทำร้ายทางด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า พฤติกรรมของสัตว์ป่า สามารถตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญได้อยู่แล้ว สัตว์ป่าทั่วไปกลัวมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นผู้ล่าสูงสุดในวงจรชีวิตของสัตว์ป่า จะบอกว่าเสือจะคลานเข้ามากัดไม่มีหรอกครับ หรืองูจะเข้ามากัด ไม่มีหรอกนอกจากคุณจะไปเหยียบรัง ไข่ แย่งที่นอน หรือแย่งลูกเขาถึงทำร้าย แล้วเสือตัวนี้มีอายุมากกว่า 5 ปี และดูจากลักษณะแล้วไม่น่าจะมีลูก เพราะฉะนั้นเขาไม่ทำร้ายคนแน่นอน

         นายชัยวัฒน์  กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วไปไม่มีใครพกปืนยาวไป 2-3 กระบอก และตนเชื่อว่านายเปรมชัยสามารถพกปืนสั้นได้ เพราะเป็นผู้บริหารระดับสูงของเศรษฐกิจและเขาสามารถมีปืนพกสั้นเพื่อป้องกันตัว แต่การพกปืนยาวไปป้องกันตัวสามัญสำนึกของคนทั่วไปไม่มีโดยเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเขาเตรียมการตั้งแต่เริ่มต้น

         "โดยในการเตรียมการเขามีปืนไป 3 กระบอก มีกระสุนปืนไปพร้อมทุกชนิดเลย ซ้ำร้ายกว่านั้นเขามีเกลืออีก 4 ถุง ฉะนั้นคนปกติเที่ยวป่าเขาไม่พกเกลือถึง 4 ถุง เตรียมอยู่แล้วว่าเอาไปแช่ หมัก หรือไปเซตของที่ล่าได้ให้มีคุณภาพของเนื้อ ทน อายุนานกว่าที่กิน เกลือ 4 ถุงกับคน 4 คนที่เข้าไปหากเป็นคนทั่วไปอยู่ได้ถึง 2 เดือน"นายชัยวัฒน์ กล่าว

        นายชัยวัฒน์  กล่าวอีกว่า ทั้งนี้มีการเตรียมการมีเจตตนาที่จะเข้าไปไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่การเข้าไปครั้งนี้มีซากสัตว์ มีชิ้นเนื้อของสัตว์ มีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผิดกฎหมายอยู่ในพื้นที่เขตหวงห้ามเขตอนุรักษ์

         นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตนระบุไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้ล่าหรือไม่แต่จนรู้ว่าเขาอยู่เบื้องหลังการล่าแน่นอน เพราะเราสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าทะเบียนปืน 1 กระบอกเป็นของนายเปรมชัย เขาจะอ้างไม่ได้ว่าปืนไม่ใช่ของเขา เขาเตรียมปืนของเขาไปเองอาจจะไหว้วานให้นายธานีหรือนายยงค์เป็นคนยิงเขาก็ต้องอยู่เบื้องหลังอยู่แล้ว เขามีปืนแต่เขาไม่ได้ยิงไม่ใช่ว่าเขาไม่ผิดนะ เขาอาจจะจ้างวาน ไหว้วานทำให้สัตว์ป่าเสียชีวิต หรือบงการให้มีการล่าสัตว์ป่า ซึ่งตนเชื่อศักยภาพของพนักงานสอบสวน นำโดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการสอบสวนอย่างมาก

       นายชัยวัฒน์ ยังกล่าวต่อว่า การผ่านด่านเข้าไปตนบอกตรงๆ ว่า ด้านหลังกระบะมีของสิ่งของอยู่เต็ม ซึ่งนายเปรมชัยได้ทำหนังสือขออนุญาตไปที่สำนัก ซึ่งในส่วนของสำนักก็รอการอนุญาต โดยระบบทั่วไปเมื่อเข้าไปเที่ยวในเขตอุทยานไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนจะเข้าไปค้นสิ่งของ เนื่องจากเข้าใจว่าต้องการไปท่องเที่ยว นันทนาการ และพักผ่อน เราก็คิดว่าทางนายเปรมชัยจะเข้าไปพักผ่อนใครจะเชื่อว่าจะเอาอาวุธเข้าไปขนาดนั้น เพื่อไปถล่มสัตว์ป่า มันเป็นไปไม่ได้ ด้วยสามัญสำนึกและมีการแสดงตัวตนชัดเจนว่าเขาเป็นเศรษฐีระดับประเทศ ใครจะเชื่อว่าเขาเอาอาวุธเข้าไปเพื่อยิงสัตว์ป่าขนาดนี้ ตนให้มุมมองหนึ่งว่าเขาเข้าไปอนุญาตหรือไม่อนุญาตเป็นประเด็นที่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานเราตระหนักอยู่แล้ว พยายามเข้มงวดในระเบียบอยู่แล้ว แต่เข้าไปเพื่อเจตนาล่าสัตว์มันน่าจะเป็นประเด็นมากกว่า

       นายชัยวัฒน์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตกมีเนื้อที่กว่า 2 ล้านไร่ เป็นป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรังบางส่วน เป็นที่ราบสูงไม่ชันมีภูเขาสลับซับซ้อนค่อนข้างแบนเรียบ มีทุ่งหญ้า อาหาร จึงเป็นพื้นที่เหมาะสมกับสัตว์ป่าทั่วไป มีความหลากหลายทางชีวภาพค่อนข้างสมบูรณ์สูง นักท่องเที่ยวทั่วไปจะเข้าไปเจอเสือดำตัวนี้เป็นประจำ พฤติกรรมของเสือดำหากหนาว สายๆ เขาจะมานอนอาบแดด

        นายชัยวัฒน์  กล่าวอีกว่า โดยพื้นที่อาบแดดที่เหมาะสมที่สุดคือบนถนน ซึ่งถนนที่วิ่งเข้าไปมีเพียงเส้นทางเดียว พฤติกรรมตรงนี้ทำให้ตนเชื่อว่าคนที่นำนักธุรกิจคนนี้เข้าเคยรู้ว่าเสือดำตัวนี้นอนอยู่แถวนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวเห็นเพียงตัวเดียว ตนขอชี้แจงว่าเสือดาวกับเสือดำเป็นเสือชนิดเดียวกัน แต่เวลาออกลูกจะเป็น 2:1 คือเสือดาว 2 ตัว เสือดำ 1 ตัว เพราะฉะนั้นจะทำให้ยิ่งหายากมาก โดยใน 3 ตัวจะรอดชีวิตเพียง 1 ตัว ตัวที่อ่อนแอก็คือเสือดำโอกาสรอดตายจึงยากมาก และมีนิสัยไม่รวมฝูงด้วย โอกาสที่มันรอดมาแล้ว แล้วมีคนไปยิงมันตาย เอาไปทำซุปหางเสือดำ ตนรับไม่ได้ ยืนยันว่าในพื้นที่ดังกล่าวพบเห็นเสือดำแค่เพียง 1 ตัว แต่อาจจะพบเสือดำในพื้นที่อื่นเพราะมีบริเวณกว้างใน 10 ตร.กม. ซึ่งพื้นที่ทุ่งใหญ่และห้วยขาแข้งกว้างประมาณ 4-5 ล้านไร่

         นายชัยวัฒน์  กล่าวอีกว่า การขออนุญาตเข้าไปได้มีการขออนุญาตมาอยู่แล้ว หัวหน้าวิเชียรได้รับโทรศัพท์ก็ทำหนังสือถึงสำนัก 3 เพื่อจะยืนยันว่านายเปรมชัยจะเข้ามาอนุญาตถูกต้องหรือไม่ขอหลักฐานเพิ่มเติม ก็ได้ยื่นไปที่สำนัก 3 แล้ว ซึ่งพฤติกรรมโดยทั่วไปปกติเวลาขออนุญาตมาก็จะให้ทุกครั้ง เพราะไม่มีใครคิดว่าเข้าไปแล้วจะไปล่าสัตว์ บางครั้งเอกสารมาวันศุกร์บอกจะเข้าวันเสาร์ แต่ในวันจันทร์จะมาเซ็นให้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ แต่ที่เขาขออนุญาตมาไม่ถึง 5 วัน มีการขอเข้าไป แต่ทางสำนัก 3 ยังไม่มีการอนุญาต ตนจึงชี้แจงในครั้งแรกว่าเอกสารยังไม่ครบและยังไม่ให้เข้า แต่การอนุญาตให้เข้าเรารู้อยู่แล้วว่าเมื่อถึงวันจันทร์ก็ต้องอนุญาตให้เข้า แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการเซ็นหนังสือเขาก็เข้าไป

        "หากถามว่าเข้าไปได้อย่างไรก็รู้ๆกันอยู่ว่าอย่างไรก็ต้องอนุญาตให้เข้า ไม่มีใครรู้หรอกว่านายเปรมชัยจะเข้าไปล่าสัตว์ และตรงจุดนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะเข้าไป เราหรือใครก็ได้เข้าไปเสียเงินค่าเข้าคนละ 20 บาท ค่ารถ 30 บาท ซึ่งคณะนี้จริงๆ ไม่ต้องมีหนังสือขออนุญาตก็ได้ แค่ไปจ่ายเงิน 110 บาท คือ 4 คน 80 บาท ค่ารถอีก 1 คันก็ 30 บาท แต่มหาเศรษฐีประหยัดเงิน 110 บาท เพื่อจะขอเข้าฟรี    ผมก็หดหู่เหมือนกัน มีเงินก็ไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหนแต่เงิน 110 บาทขอประหยัดแค่นั้นเอง แล้วเข้าไปทำให้เจ้าหน้าที่เราเดือดร้อน จริงๆ เขาซื้อบัตรเข้าไปก็ไม่เดือดร้อนใครเลย กรณีดังกล่าวทำให้สังคมสะเทือนใจจึงมีข้อสงสัยว่าเข้าไปได้อย่างไร แต่ที่ควรเป็นประเด็นจริงๆ คือคนระดับนี้เข้าไปล่าสัตว์เป็นเยี่ยงอย่างที่ควรทำหรือไม่"นายชัยวัฒน์ กล่าว

 

\"ชัยวัฒน์” ย้ำ เสียงคลิปลับ  ไม่มี \"เปรมชัย\"

นายวิเชียร  ชิณวงษ์

         ขณะที่นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก  ได้เดินทางมาเตรียมที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวน ที้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงเรื่อง คลิปเสียง ที่ระบุว่าเป็นการต่อรองการจับกุมของเจ้าหน้าที่นั้นเป็นอย่างไร นายวิเชียร เปิดเผยว่า ตนยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเสียงที่ปรากฏเป็นของทีมงานนายเปรมชัย หรือตัวนายเปรมชัยเอง เนื่องจากขณะนั้นตนอยู่ระหว่างทำบันทึกจับกุม แต่ยอมรับว่ามีการมาพูดกับตนส่วนตัวในลักษณะคล้ายหยั่งเชิง แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นการต่อรองหรือไม่ โดยรายละเอียดคำพูดขอไม่เปิดเผย

         "ทั้งนี้มองว่าคลิปดังกล่าวถูกปล่อยออกมาเพื่อเป็นการดิสเครดิตเจ้าหน้าที่ แต่ยืนยันว่าไม่ย่อท้อ และจะยังตั้งใจทำงาน พร้อมให้กำลังใจลูกน้องให้เข้มแข็ง และไม่มีผู้ใหญ่คนใดโทรมาเคลียร์เพราะจุดนั้นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์"นายวิเชียร กล่าว 

         ทางด้านพล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รองผบช.ส.4 เปิดเผยว่า วันนี้ทางพนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่อุทยานที่เข้าเวรในวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ และชุดจับกุม เพื่อไล่ลำดับเวลาก่อนจับกุม ขณะจับกุม และหลังจับกุม อย่างละเอียด และสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าของคลิปถึงเหตุการณ์การเจรจาต่อรองในคลิปเสียงดังกล่าวว่าบุคคลที่ต่อรองคือใคร

        "หากพบว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดติดสินบนเจ้าพนักงานก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง อย่างไรก็ตามได้เตรียมพนักงานสอบสวนสภ.ทองผาภูมิ 5 ชุด มาเตรียมสอบปากคำให้รู้ความเป็นมา ซักถามรายละเอียดไล่ไทม์ไลน์ ประจักษ์พยานต่างๆ ให้ครบถ้วน"พล.ต.ต.ชยพล กล่าว

         ต่อมาเวลา 17.30 น.ที่บก.ปทส. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พร้อมด้วยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ ได้ให้สื่อมวลชนซักถามในประเด็นที่สงสัย ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำเจ้าหน้าที่อุทยานนานกว่า 2 ชั่วโมง

        นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนคลิปเสียงที่เจ้าหน้าที่ได้พูดคุยเบื้องต้น เป็นผู้อัดคลิปได้ซักถามการได้มาของเนื้อเสือดำ เนื้อต่างๆฯลฯ ว่าได้มาได้อย่างไร ซึ่งคนที่พูดคุยด้วยคือนายยงค์ แต่ทั้งนี้นายยงค์บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ แต่พยายามพูดในเรื่องการบริจาคของต่างๆ ปรากฎตามคลิปเสียง ว่า บริจาคไฟฉาย รองเท้า ซึ่งยังอยู่ขั้นตอนของการสอบสวนอยู่ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าคนที่พูดคุยด้วยคือนายยงค์

         เมื่อถามว่าตามคลิปเสียงที่ปรากฏเค้าขายติดสินบนเจ้าพนักงานหรือไม่ทางพล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ตามกฎหมายมาตรา 84 พยายามก็ผิดแล้ว รับโทษ 1 ใน 3 ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าการพูดดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดหรือไม่ และตรวจหาหลักฐานนอกเหนือจากคลิปเสียงว่ายังมีอีกหรือไม่ เพราะฉะนั้นการดำเนินคดีเรื่องสินบนอยู่ระหว่างการตรวจสอบของตำรวจ หากเข้าข่ายการกระทำความผิดทางกรมอุทยานยืนยันว่าจะดำเนินคดีแน่นอน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อเท็จจริง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่จำเป็นต้องใช้คลิปเสียงเพียงอย่างเดียวก็ได้หากมีพยานหลักฐานอื่น

         เมื่อถามว่ามีหลักฐานระบุว่าใครเป็นผู้ยิงสัตว์ป่าแล้วหรือไม่ ทางพล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า ตามหลักฐานก็ร่วมกัน ตามที่กรมป่าไม้จับกุมและร้องทุกข์มา ร่วมกันล่าเท่ากับร่วมกันยิง โดยมีหลักฐานหนังเสือมีรอยยิง ซึ่งในหนังเสือก็มีลูกปลายอยู่ และมีตัวปืน ถือว่าหลักฐานสมบูรณ์แล้ว ในกฎหมายไม่จำเป็นต้องเอาว่าใครยิงหรือไม่ยิง แค่นำปืนเข้าไปก็น่าจะเป็นความผิดสมบูรณ์แล้วตามกฎกระทรวง ซึ่งจะต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ตรวจสอบให้เสร็จสิ้นก่อน จึงจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ส่วนการตรวจสอบหลักฐานพบงาช้างและอาวุธปืนนั้น ทางพล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวอีกด้วยว่า จะต้องรอทางพฐ. ตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อน

       เมื่อถามว่าหากทางทนายฝั่งนายเปรมชัยอ้างว่า เป็นการป้องกันตัวจากการที่เสือจะเข้ามาทำร้ายฟังขึ้นหรือไม่ ทางพล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า ตามกฏกระทรวงห้ามนำอาวุธเข้าไป ความผิดของคนยิงกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์มีความผิดเท่ากัน เพราะร่วมกัน ส่วนอัตราโทษดังกล่าวที่คนตั้งข้อสังเกตว่ามีโทษน้อย ทางพล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า อัตราโทษดังกล่าวอยู่ในกฎหมาย ซึ่งตนไม่ได้เป็นผู้เขียนกฎหมาย ส่วนจะลงโทษแค่ไหนเป็นเรื่องของศาลพิจารณา แต่ตนเชื่อมั่นว่าในสำนวนนี้ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ทองผาภูมิ และตำรวจบก.ปทส.ที่รับผิดชอบทำสำนวน เชื่อว่าทำสำนวนส่งพนักงานอัยการ พนักงานอัยการจะฟ้องให้เราแน่ เพราะตามหลักฐานที่มีอยู่ความผิดเกิดขึ้นสำเร็จสมบูรณ์แล้ว หลักฐานชัดเจนแล้ว

         พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ส่วนเขม่าดินปืนอยู่ระหว่างตรวจสอบไปแล้วที่ทองผาภูมิ รอผลรายงานจากกองพิสูจน์หลักฐานอย่างช้าไม่เกิน 1 เดือน โดยเขม่าดินปืนจะติดอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมงจะหายไป ส่วนกรณีว่าหลายฝ่ายเกรงว่านายเปรมชัยและพวกจะหลบหนีออกนอกประเทศ จากการตรวจสอบคำร้องให้ประกันตัว ศาลไม่ได้ระบุห้ามผู้ต้องหาออกนอกประเทศ แต่เบื้องต้นได้ประสาน สตม. ตรวจสอบการเดินทางหากพบจะเดินทางออกนอกประเทศให้แจ้งกับพนักงานสอบสวนที่ดูแลคดีดังกล่าวก่อน ล่าสุดจากการตรวจสอบเมื่อเช้านายเปรมชัยยังอยู่ในพื้นที่กทม. แต่ขณะนี้อยู่ที่ไหนยังไม่สามารถตอบได้ แต่ยืนยันเจ้าหน้าที่ยังสามารถติดต่อได้

          พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนการค้นออฟฟิตนายเปรมชัยไม่พบหนังเสือ แม้จะพบก็ตั้งแต่ปี 34 ซึ่งหมดอายุความไปแล้ว ส่วนการค้นบ้านพักไม่พบพื้นที่ชำแหละสัตว์แต่อย่างใด ส่วนการตรวจอาวุธปืน 43 กระบอก และงาช้างอยู่ระหว่างตรวจสอบ สำหรับบ้านพักต่างจังหวัดหากสอบแล้วพบเกี่ยวข้องก็ต้องไปค้นเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามยืนยันคดีนี้ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่นอน หรือมีอิทธิพลเกี่ยวข้อง ตนมั่นใจหลักฐานมีมากพอให้อัยการส่งฟ้องแน่นอน

 

***ฟังเสียง "เปรมชัย" และเสียงในคลิปลับ

เปิดคลิปเสียงแรก"เปรมชัย กรรณสูต""จะแก่ตายแล้ว ขอมาซักเที่ยว"

เปิดคลิปลับ หลังจับ “เปรมชัย” “ขออะไรผมให้หมด” !!

'หน.วิเชียร' แจ้งจับ 'เปรมชัย' ติดสินบน!