ข่าว

แอร์สาวฆ่าตัวตาย ไม่ได้ถูกฆ่า : พี่สาว ยืนยัน

แอร์สาวฆ่าตัวตาย ไม่ได้ถูกฆ่า : พี่สาว ยืนยัน

15 ม.ค. 2561

พี่สาวแอร์ฯ ยืนยัน น้องไม่ได้ถูกฆ่าตามที่พ่อให้ข่าว แต่ฆ่าตัวตาย เพราะโรคซึมเศร้า

 

             15 ม.ค.61 - เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา "เปรมฤดี ทีเด" ซึ่งระบุว่าเป็นพี่สาวของ เปรมฤทัย จุเส้ง หรือน้องไอซ์ แอร์โฮสเตสที่เสียชีวิตที่ประเทศการ์ต้า ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ค Pramrudee Tiede เกี่ยวกับการเสียชีวิตของน้องสาว โดยระบุว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้เป็นพ่อออกมาบอกว่าน้องสาวถูกฆ่า แต่เหตุที่เกิดขึ้นน้องสาวแขวนคอฆ่าตัวตายเอง จากโรคซึมเศร้า (อ่านต่อ..."พ่อแอร์สาวสายการบินดัง" เตรียมร้อง!! กรมการกงสุล ช่วยตามคดี) 

แอร์สาวฆ่าตัวตาย ไม่ได้ถูกฆ่า : พี่สาว ยืนยัน

 

             ข้อความส่วนหนึ่งมีดังนี้

             "อยากจะให้ทุกคนเสียสละเวลามาอ่านคอมเม้นนี้สักนึดนึง เพราะเรื่องที่จะบอก คือความจริงทุกอย่าง

             สวัสดีค่ะ.. เราเป็นพี่สาวแท้ๆ ของน้องเปรมฤทัย จุเส้ง หรือน้องไอซ์ ผู้เสียชีวิตที่ออกข่าว 
ตอนแรกเราไม่อยากออกมาพูดอะไร เพราะน้องก็ได้ไปสู่สุขคติแล้ว แต่เมื่อเรื่องมันกลับกลายเป็นแบบนี้ เราคงต้องออกมาพูด เพื่อปกป้องน้องไอซ์, คุณแม่ และสถานทูตไทย ที่โดฮา

             เรื่องที่พ่อให้สัมภาษณ์ออกข่าว นั่นไม่ใช่ความจริงเลย น้องไอซ์ ไม่ได้ถูกฆาตกรรม แต่น้องได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แล้วได้ตัดสินใจ จบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอ ที่ห้องพักของน้องที่โดฮา เราเป็นคนแรกที่รู้ข่าวน้อง เพราะสถานทูตไทยที่โดฮา ได้โทรมาแจ้งการเสียชีวิตกับเรา วันที่ 27 ธันวาคม2560 ประมานช่วงบ่าย เวลาเยอรมัน แล้วเราถึงได้เป็นคนบอกแม่ ตอนนั้นเราอยุ่ที่ เบอลิน แม่อยุ่ที่กรุงเทพ 
             เราได้เดินทางไปโดฮาในเย็นวันเดียวกันกับที่รู้เรื่อง เราได้บอกแม่ เวลาประมาณ3ทุ่ม เวลาที่ไทย ของวันที่ 27 ธันวาคม2560 แล้วแม่ได้เดินทางไปโดฮาเช้าวันถัดมา

             เราไปเจอกับแม่ที่โดฮา มีพี่ๆจากสถานทูตไทยในโดฮา และพี่ที่บริษัทที่น้องทำงานมาพาเราและแม่ไปดูร่างน้อง 
             เราเป็นคนแจ้งการเสียชีวิตของน้องไอซ์ด้วยต้วเอง คุยกับตำรวจด้วยตัวเราเอง .. น้องเขียนจดหมายคำสั้นๆ ไว้ให้แม่ ตำรวจเอาให้เรากับแม่ดู จดหมายเป็นลายมือน้อง 
             ก่อนหน้าวันที่เกิดเหตุ น้องเขียนมาหาเราทาง WhatsApp สั้นๆ ว่า 
             “ ไอซ์รักพี่ไนซ์นะ บอกแม่ด้วย “ 
             ตำรวจที่โดฮา ได้สรุปผลแล้วว่า ไม่ได้มีมือที่สาม .. สาเหตุการเสียชีวิตคือ “ขาดอาการหายใจ เนื่องจากแขวนคอ"

             เราไปทำเรื่องอยุ่ที่โดฮากับแม่ อยู่ที่นั่นนาน 7 วัน ถึงได้พาร่างน้องกลับบ้าน
             เราได้เดินทางมาถึงไทย เช้าวันที่ 3 มกราคม 2561 เครื่องลงประมาณตี 5 แล้วได้ต่อรถจากสนามบิน ภูเก็ต มายัง อ.ท่าชนะ จ. สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีของน้องไอซ์

             ระหว่างอยู่ที่นั่น สถานทูตไทยในโดฮา และ บริษัทที่น้องทำงาน ได้ดูแลเรากับแม่เป็นอย่างดี ถือว่าดีมากทีเดียว พี่ๆที่สถานทูต ช่วยเหลือทุกอย่าง เพื่อที่เราจะได้พาน้องกลับบ้านให้เร็วที่สุด สถานทูตพาเรากับแม่ ไปหาตำรวจ คอยเป็นล่ามพูดภาษาอาหรับให้ เพราะบางที คุยภาษาอาหรับ จะเร็วกว่าภาษาอังกฤษ บริษัทที่น้องทำงานก็ช่วยเหลือดีมากๆ จัดการให้พักโรงแรมดีๆ จ่ายค่าอาหารให้ ตลอด7วัน ที่อยู่ที่นั่น ค่าตั๋วเดินทาง แม้กระทั่ง หาคนมาอาบน้ำแต่งหน้าให้น้อง ค่าทำศพน้อง จนกระทั่งพาน้องเดินทางกลับมาถึงไทย ค่าขนส่งร่างน้อง จากสนามบินภูเก็ตจนถึง บ้านที่ท่าชนะ พวกเค้าเหล่านั้นได้ช่วยเหลือเรากับแม่อย่างเต็มที่"

             พี่สาวน้องไอซ์ ระบุในเฟซบุ๊กด้วยว่า "พวกเราแค่ต้องการความเห็นใจและต้องการจะบอกความจริงทุกอย่าง เพราะเรามีเอกสารทางการยืนยัน ว่าน้องไอซ์ไม่ได้ถูกฆาตกรรม แต่น้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จึงทำให้น้องไอซ์ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ด้วยการแขวนคอ"

             และในตอนท้ายเธอได้เขียนขอบคุณเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในโดฮา รวมถึงพนักงานที่บริษัทที่น้องไอซ์เคยทำงาน และระบุว่า "ขอโทษพี่ๆทุกคนแทนพ่อด้วย ที่เรื่องกลายเป็นแบบนี้"