ข่าว

5 เหตุผลส่งนิวคาสเซิลคัมแบ็คพรีเมียร์ลีก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลังห่างหายจากเวทีลีกสูงสุดไปเพียงแค่ฤดูกาลเดียว ล่าสุด“สาลิกาดง”นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สามารถหวนคืนสู่เวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อีกครั้ง

หลังห่างหายจากเวทีลีกสูงสุดไปเพียงแค่ฤดูกาลเดียว ล่าสุด“สาลิกาดง”นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สามารถหวนคืนสู่เวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อีกครั้ง หลังเอาชนะ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ 4-1 ในศึกแชมเปียนชิพ เมื่อวันจันทร์ (24 เม.ย.) ที่ผ่านมา เก็บสามแต้มพร้อมกับการันตีเลื่อนชั้นได้เป็นที่แน่นอนแล้ว แม้จะยังเหลือเกมในมืออีก 2 นัดก็ตาม

ลูกทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ได้ประตูจาก อโยเซ เปเรซ สองประตูในนาทีที่ 7 และ 67 คริสเตียน อัสซู นาทีที่ 45 และ แมตต์ ริทชีในนาทีที่ 65 ส่งผลให้พวกเขามีคะแนนตามหลังจ่าฝูงของลีกอย่างไบรท์ตันอยู่ 4 คะแนน อย่างไรก็ตามจากผลการแข่งขันดังกล่าว ทำให้พวกเขามีคะแนนทิ้งห่าง เรดดิง ทีมอันดับ 3 ถึง 9 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียง 2 นัด ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะจบฤดูกาลอย่างน้อยด้วยอันดับสองแม้อีก 2 เกมที่เหลือจะไม่มีแต้มเลยก็ตาม

จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้ทาง “เดอะ มิเรอร์” สื่อเมืองผู้ดี จึงออกมาวิเคราะห์ถึง 5 เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ทีมยักษ์หลับจากไทน์ไซด์ทีมนี้หวนคืนลีกสูงสุดได้อีกครั้ง

การอยู่ต่อของ“ราฟา”
แม้ตอนที่เข้ารับตำแหน่งนายใหญ่แห่งถิ่นเซนต์เจมส์ ปาร์ค จะไม่สามารถช่วยให้ทีมรอดพ้นการตกชั้นได้ แต่การที่กุนซือซึ่งมีดีกรีแชมป์ยุโรป อีกทั้งยังผ่านงานกับสโมสรยักษ์ใหญ่มามากมาย ตัดสินใจเลือกอยู่คุมทีมต่อเพื่อสู้ศึกแชมเปียนชิพ ถือว่าเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ นิวคาสเซิล สามารถสานต่อผลงานจนกลับมาเลื่อนชั้นได้อีกครั้ง

หลังตัดสินใจลดชั้นลงมาคุมทีมในลีกรองอย่าง เดอะ แชมเปียนชิพ จนโดนแฟนบอลคู่แข่งล้อเลียนว่าเขาใช้เวลา 6 เดือน จากเบร์นาเบว มายัง เบอร์ตัน แต่ด้วยมันสมองของกุนซือผู้ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน ทำให้ นิวคาสเซิล ไม่ลังเลที่จะทุ่มงบให้ เบนิเตซ เลือกซื้อผู้เล่นที่เขาต้องการ อาทิ คริสเตียน อัตซู, ดไวท์ เกย์ล, แมตต์ ริชชี และ โมฮัมเหม็ด ดิยาเม ซึ่งจากขุมกำลังดังกล่าวจึงไม่แปลกที่บรรดาแฟนๆทูน อาร์มี จะได้ชื่นชมกับความสำเร็จที่ได้เห็นทีมรักกลับไปโลดแล่นบนลีกสูงสุดอีกครั้ง

การเสริมทัพอันชาญฉลาด
หลังจากตกชั้น นิวคาสเซิล ทำการผ่าตัดทีมขนานใหญ่ พวกเขาขายผู้เล่นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ไป 10 คน และปล่อยยืมตัวอีก 9 คน แลกกับเงินจำนวน 74 ล้านปอนด์ (ราว 3,100 ล้านบาท) เข้าคลังสโมสร ส่วนบรรดาแข้งหน้าใหม่ที่ตบเท้าเข้ารั้วเซนต์เจมส์ ปาร์ค ทั้งหมด 12 ราย เบนิเตซ ทุ่มงบไป 54.74 ล้านปอนด์ (ราว 2,400 ล้านบาท)

แม้พวกเขาต้องประเคนค่าเหนื่อยมหาศาลเพื่อให้ผู้เล่นระดับพรีเมียร์ลีกยอมลดชั้นลงมาเล่นในลีกแชมเปียนชิพ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็สามารถทำกำไรจากตลาดนักเตะไปถึง 20 ล้านปอนด์ (ราว 860 ล้านบาท) ซึ่งตรงจุดนี้ถือเป็นแผนการเสริมทัพที่ชาญฉลาดของ เบนิเตซ และ ลี ชาร์นลีย์ ผู้อำนวยการของทีม

อย่างไรก็ตามจากแผนการเสริมทัพในเที่ยวนี้ เบนิเตซ ก็ควรจะได้รับโอกาสด้วยงบประมาณมหาศาลอีกครั้งกับการเตรียมความพร้อมเพื่อสู้ศึกพรีเมียร์ลีกในซีซั่นหน้าที่จะมาถึง

ดไวท์ เกย์ล แจ้งเกิด 
แน่นอนว่าการขับเคี่ยวแย่งตั๋วเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกนอกจากต้องมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งแล้ว อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ที่เด็ดขาดและไว้เนื้อเชื่อใจได้ ซึ่งจุดนี้ นิวคาสเซิล ได้ตัดสินใจทุ่มเงินจำนวน 10.2 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับการคว้าตัวอดีตศูนย์หน้าคริสตัล พาเลซ วัย 25 ปี มายืนล่าตาข่ายในแดนหน้า และเจ้าตัวก็โชว์ผลงานตอบแทนค่าตัวได้อย่างคุ้มค่า เมื่อจัดการซัดไป 22 ประตู จากการบลงสนาม 31 นัดในลีก พร้อมกับนำโด่งเป็นดาวซัลโวของทีม และเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 13 ปีของนิวคาสเซิลต่อจากอลัน เชียร์เรอร์ ที่ยิงเกิน 20 ลูกในซีซั่นเดียว

แกนหลักคืนฟอร์มเก่ง
ถึงจะไม่สามารถโชว์ผลงานได้เข้าตาเมื่อครั้งลงเล่นในพรีเมียร์ลีก แต่ จอนโจ เชลวีย์ ได้แสดงให้เห็นว่าเขาคือห้องเครื่องคนสำคัญของทีมทั้งการผ่านบอลและการยืนตำแหน่ง

อดีตมิดฟิลด์ลิเวอร์พูลทำให้เห็นแล้วว่าเขาคือจุดศูนย์กลางของทีมอย่างแท้จริง ยิ่งเมื่อเล่นร่วมกับ แมตต์ ริชชี กองกลางชาวสกอตที่ดึงตัวมาจากบอร์นมัธ ด้วยค่าตัวสูงสุงของสโมสรเมื่อหน้าร้อนที่ผ่านมาจำนวน 12 ล้านปอนด์ ทำให้เกมกลางสนามของนิวคาสเซิลดูไหลลื่นและดุดันมากขึ้น โดยมิดฟิลด์ทีมชาติสกอตต์แลนด์ ซัลโวให้ทีมไปแล้วถึง 15 ประตู ในซีซั่นนี้

นอกจากนี้ในทีมยังมี อิสซัค เฮย์เดน กองกลางดาวรุ่ง วัย 22 ปี ที่คอยเป็นลูกหาบให้กับ เชลวีย์ และกำลังทำผลงานได้ดี โดยซีซั่นนี้ได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นในลีกไปถึง 31 นัด ขณะที่ คีแรน คลาร์ก, จามาล ลาสเซลลัส และ พอล ดามเมตต์ กองหลังลูกหม้อของทีม ต่างผนึกกำลังกันในเกมรับได้อย่างโดดเด่น จนทีมเสียไปเพียง 40 ประตู ในแชมเปียนชิพ น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับทีมอื่น

ปัญหาภายในถูกลืม
ก่อนหน้านี้บรรดาแฟนๆทูน อาร์มี ต่างเอือมระอากับพฤติกรรมของ ไมค์ แอชลีย์ ประธานสโมสร ที่ขึ้นชื่อเรื่องความบ้าอำนาจ อีกทั้งลักษณะของบรรดาผู้บริหารนิวคาสเซิลนั้นส่งผลให้บรรดาผู้เล่นไม่ว่าจะชุดใดของทีมขาดความกระตือรือร้น รวมถึงผู้จัดการทีมคนแล้วคนเล่าที่ต่างก็ลาออกหรือถูกปลดบ่อยครั้ง

ในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคม เกรแฮม คาร์ หัวหน้าแมวมองของทีม เคยถูก แอชลีย์ ตั้งคำถามเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาที่ไม่ได้ผลมาแล้ว ซึ่งนี่ถือเป็นนิสัยส่วนตัวของประธานจอมโอหังที่ชอบลงมาล้วงลูกด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวกลับถูกลืมไปทันทีในซีซั่นนี้เมื่อ แอชลีย์ แสดงความเชื่อมั่นในตัวของ เบนิเตซ พร้อมกับเทงบในการเสริมทัพให้อย่างมากมาย และความตึงเครียดภายในแบบนี้จะถือเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ แอชลีย์ ยังคงเทงบให้ เบนิเตซ มีงบประมาณเพียงพอที่จะสร้างผลงานได้ในฤดูกาลหน้าได้ต่อไป

การหวนคืนสู่เวทีพรีเมียร์ลีกหนนี้ย่อมสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับสาวกทูน อาร์มี ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งจากโปรแกรมที่เหลืออีก 2 นัด กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี (29 เม.ย.) และ บาร์นสลีย์ (4 พ.ค.) น่าจะเป็นการคืนความสุขให้กับแฟนๆ ของพวกเขา ก่อนจะกลับไปเตรียมทีมเพื่อกลับมาลุยศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้า และแน่นอนว่างานหนักของ เบนิเตซ อาจจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อซีซั่นหน้าเดินทางมาถึงนั่นเอง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ